TNN ถอดบทเรียน "กรรมการเหยียดเพศ" บนเวที ประกวดไอดอล สู่การปรับทัศนคติสังคม

TNN

TNN Exclusive

ถอดบทเรียน "กรรมการเหยียดเพศ" บนเวที ประกวดไอดอล สู่การปรับทัศนคติสังคม

ถอดบทเรียน กรรมการเหยียดเพศ บนเวที ประกวดไอดอล สู่การปรับทัศนคติสังคม

TO BE NUMBER ONE กับการสร้างพื้นที่ปลอดภัยและความเข้าใจในความหลากหลาย

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 การประกวด TO BE NUMBER ONE IDOL รุ่นที่ 15 ที่จังหวัดพิษณุโลก ได้จุดประเด็นสำคัญเรื่องการสร้างพื้นที่ปลอดภัยและความเท่าเทียมให้กับเยาวชนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม LGBTQ เมื่อเกิดเหตุการณ์กรรมการให้ความเห็นที่สื่อถึงการเลือกปฏิบัติทางเพศต่อผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งนำไปสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงเจตนารมณ์ของโครงการที่มุ่งสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม


เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อครูท่านหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลกได้โพสต์คลิปวิดีโอในเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งบันทึกการแสดงความเห็นของกรรมการหญิงต่อผู้ประกวดที่เป็น LGBTQ ในรายการ TO BE NUMBER ONE โดยกรรมการได้กล่าวว่า "ผู้ชายคือผู้ชาย ผู้หญิงคือผู้หญิง ทูบีนัมเบอร์วันไอดอลยังไม่เปิด ยังไม่โอเพ่นขนาดนั้น" พร้อมแสดงความไม่เห็นด้วยว่า "เปิดให้เยาวชนกล้าแสดงออกแบบใด ถึงมีกรรมการพูดขนาดนี้ เด็กฟังจะคิดยังไง" คลิปดังกล่าวกลายเป็นชนวนความไม่พอใจและถูกแชร์วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ กรรมการผู้นี้ถูกโจมตีจนต้องปิดคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว


ผลกระทบและความไม่เข้าใจ LGBTQ


คำพูดของกรรมการสร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนจำนวนมาก ที่มองว่าเป็นการแสดงทัศนคติเชิงลบและเลือกปฏิบัติต่อกลุ่ม LGBTQ ซึ่งสวนทางกับเจตนารมณ์ของ TO BE NUMBER ONE ที่ต้องการเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงออกอย่างเสรี แต่กลับสร้างความรู้สึกผิดและไม่ยอมรับในตัวตนของพวกเขา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้เข้าประกวดได้ เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงการขาดความเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ และการยังคงมีอยู่ของอคติและการตีตราต่อกลุ่ม LGBTQ ในสังคมไทย


เจตนารมณ์ที่แท้จริงของ TO BE NUMBER ONE


ภายใต้กระแสวิพากษ์ที่เกิดขึ้น ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ผู้ก่อตั้งโครงการ TO BE NUMBER ONE ได้ทรงแสดงจุดยืนผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวอย่างชัดเจนว่า "เราไม่เคยปิดกั้น LGBTQ+ เราสนับสนุนทุกคน" ยืนยันถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของโครงการที่ต้องการเปิดโอกาสอย่างเท่าเทียมให้เยาวชนทุกคน ไม่ว่าจะมีเพศวิถีแบบใด ได้พัฒนาศักยภาพ แสดงความสามารถ และเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ ปราศจากการถูกตัดสินหรือกีดกันจากเงื่อนไขทางเพศ นี่คือสิ่งที่โครงการพยายามส่งเสริมและปลูกฝังให้เกิดขึ้นในสังคม


ทางออกและการเรียนรู้


เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ท้าทายให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับ TO BE NUMBER ONE ไม่ว่าจะเป็นกรรมการ เจ้าหน้าที่ หรืออาสาสมัคร ต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และปรับทัศนคติเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและเอื้อให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัยในการเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ซ้ำขึ้นอีก

นอกจากนี้ โครงการอาจพิจารณาผสานกิจกรรมหรือแคมเปญเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ LGBTQ อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการสานเสวนา จัดอบรมให้ความรู้ หรือเปิดพื้นที่ให้ตัวแทนกลุ่ม LGBTQ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโครงการ เพื่อช่วยสร้างสะพานเชื่อมความเข้าใจระหว่างผู้คนที่มีความหลากหลายทางเพศ


การตอบสนองที่น่าชื่นชม


ภายหลังกระแสวิพากษ์ที่เกิดขึ้น กรรมการผู้กล่าวคำพูดดังกล่าวได้ออกมายอมรับผิดและกล่าวคำขอโทษต่อสาธารณะ โดยให้สัญญาว่าจะไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ในขณะที่ทาง TO BE NUMBER ONE จังหวัดพิษณุโลกเองก็รีบออกแถลงการณ์ขอโทษและยืนยันว่าได้คุยทำความเข้าใจกับผู้เข้าประกวดเป็นที่เรียบร้อย การตอบสนองอย่างรวดเร็วและจริงใจ รวมถึงความพร้อมรับผิดและเรียนรู้ของผู้ที่เกี่ยวข้อง นับเป็นสัญญาณที่ดีของความมุ่งมั่นในการแก้ไขสถานการณ์และสานต่ออุดมการณ์ที่แท้จริงของโครงการ


กรณีกรรมการเหยียดเพศวิถีในเวที TO BE NUMBER ONE สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างความเข้าใจและการเคารพความหลากหลายทางเพศ เพื่อให้เกิดพื้นที่ปลอดภัยและเท่าเทียมสำหรับเยาวชนทุกคน ไม่ว่าจะในเวทีการประกวดหรือในทุกมิติของสังคม 

การที่ทุกฝ่ายร่วมกันเรียนรู้ ปรับทัศนคติ และพัฒนาความเข้าใจอย่างแท้จริงเกี่ยวกับความหลากหลาย เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรา "เป็นหนึ่งได้" อย่างที่โครงการ TO BE NUMBER ONE มุ่งหวัง เป็นหนึ่งที่ทุกคนได้รับการยอมรับ มีพื้นที่ยืนอย่างเท่าเทียม และสามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างเต็มศักยภาพ ปราศจากการถูกจำกัดจากอคติทางเพศ นั่นคือสังคมในอุดมคติที่เราทุกคนควรร่วมกันสร้างขึ้นมา

ข่าวแนะนำ