TNN เศรษฐกิจและการเมืองไทย: สองด้านของเหรียญเดียวกัน

TNN

TNN Exclusive

เศรษฐกิจและการเมืองไทย: สองด้านของเหรียญเดียวกัน

เศรษฐกิจและการเมืองไทย: สองด้านของเหรียญเดียวกัน

บทความนี้วิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจและการเมืองไทย โดยยกตัวอย่างสถานการณ์ค่าเงินบาทอ่อนและตลาดหุ้นตก อธิบายผลกระทบต่อสินค้านำเข้าและความเชื่อมั่นของนักลงทุน พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของเสถียรภาพทางการเมืองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืง

--------------------------

เศรษฐกิจและการเมืองไทยเปรียบเสมือนสองด้านของเหรียญเดียวกัน ที่มีความเชื่อมโยงและส่งผลกระทบซึ่งกันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงในด้านหนึ่งย่อมส่งผลต่ออีกด้านหนึ่งเสมอ ดังจะเห็นได้จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้น และตลาดหุ้นที่ร่วงลงสะท้อนความกังวลของนักลงทุนต่อสถานการณ์ต่างๆ


ค่าเงินบาทอ่อนตัว กระทบสินค้านำเข้า


การอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าจากต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากผู้นำเข้าต้องใช้เงินบาทจำนวนมากขึ้นในการแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลต่างประเทศ เพื่อชำระค่าสินค้า ยกตัวอย่างเช่น สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันหลายรายการ เช่น นมผง อาหารสำเร็จรูป เครื่องใช้ไฟฟ้า ต่างมีต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาจำหน่ายปลีกปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย กระทบต่อกำลังซื้อและค่าครองชีพของประชาชน


ตลาดหุ้นร่วง สะท้อนความกังวล


ในขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า ตลาดหุ้นไทยก็ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยทั้งจากความวิตกกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ ผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ด้วยความกังวลว่าอาจส่งผลต่อการดำเนินนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนหรือถอนเงินออกจากตลาด ซึ่งเป็นอีกปัจจัยกดดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง


เสถียรภาพการเมือง กุญแจสำคัญ


การรักษาเสถียรภาพทางการเมืองถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพราะเมื่อการเมืองมีความมั่นคง นโยบายเศรษฐกิจก็สามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนและการขยายตัวของธุรกิจ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการจ้างงาน ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น นำไปสู่การจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น เป็นวัฏจักรที่ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง 


ในทางกลับกัน หากการเมืองขาดเสถียรภาพ มีความขัดแย้งหรือความไม่แน่นอนสูง ก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมได้เช่นกัน


--------


จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า เศรษฐกิจและการเมืองมีความเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ดังนั้นการดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน จึงต้องอาศัยทั้งนโยบายเศรษฐกิจที่เหมาะสม และการรักษาเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ผู้ประกอบการ และประชาชน อันจะนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต



ภาพ Getty Images 

ข่าวแนะนำ