โฆษณาขายพาสปอร์ต จุดบอดของกฎหมายไทย หรือแค่การตลาดที่ไร้การควบคุม?
ป้ายโฆษณาภาษาจีนเสนอขายพาสปอร์ตย้ายประเทศ - สัญญาณเตือนภัยด้านความมั่นคงหรือเพียงการตลาดที่ไร้การควบคุม?
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 ณ สี่แยกห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ได้สร้างความฮือฮาและความกังวลให้กับสังคมไทยอย่างกว้างขวาง เมื่อมีการพบเห็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่เป็นภาษาจีนที่เสนอขายพาสปอร์ตและสัญชาติของ 4 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย วานูอาตู กัมพูชา และตุรกี เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมและความชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานานาชาติ
Pai Charudul
โฆษณาขายสัญชาติ: ช่องโหว่กฎหมายไทยกับความเสี่ยงที่มากกว่าแค่ภาพลักษณ์?
ประการแรก ป้ายโฆษณาดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ในระบบกฎหมายไทย
แม้ว่า พล.ต.ต. พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) จะชี้แจงว่า "การติดตั้งป้ายดังกล่าวทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย เพราะไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย และไม่ใช่การโฆษณาว่าจะเปลี่ยนสัญชาติไทย" อาจจะเป็นแค่การอธิบายตามตัวบทกฎหมายที่มีอยู่ แต่นั่น กลับยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงช่องว่างทางกฎหมายที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและภาพลักษณ์ของประเทศในระยะยาว
ประการที่สอง เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงที่แฝงมากับกระแสโลกาภิวัตน์
การเสนอขายพาสปอร์ตและสัญชาติต่างประเทศอย่างเปิดเผยในพื้นที่สาธารณะอาจเป็นช่องทางให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฟอกเงิน การหลบหนีเข้าเมือง หรือแม้แต่การก่อการร้าย ความท้าทายสำหรับหน่วยงานด้านความมั่นคงคือการพัฒนาระบบการตรวจสอบและป้องกันที่มีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อการเปิดรับการลงทุนและการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
ประการที่สาม และอาจเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด คือผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวโลก
การปรากฏของป้ายโฆษณาลักษณะนี้ในใจกลางเมืองหลวงอาจทำให้ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นแหล่งที่เอื้อต่อการทำธุรกรรมที่ไม่โปร่งใสหรือผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือในหลายด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความท้าทายสำหรับรัฐบาลไทยคือการสร้างสมดุลระหว่างการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจกับการรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ
ปฏิรูปกฎหมาย สร้างการมีส่วนร่วม และฟื้นฟูภาพลักษณ์ชาติ
การแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและดำเนินการในหลายระดับพร้อมกัน ในระดับนโยบาย จำเป็นต้องมีการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ.ร.บ. ควบคุมการโฆษณา และ พ.ร.บ. ความมั่นคงแห่งชาติ ให้มีความครอบคลุมและทันสมัยมากขึ้น ในระดับปฏิบัติการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเนื้อหาของป้ายโฆษณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่สาธารณะและการโฆษณาที่ใช้ภาษาต่างประเทศ
นอกจากนี้ การสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบของการโฆษณาลักษณะนี้ต่อความมั่นคงและภาพลักษณ์ของประเทศก็เป็นสิ่งสำคัญ การพัฒนาระบบที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและรายงานการโฆษณาที่น่าสงสัยอาจเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
ในระดับนานาชาติ รัฐบาลไทยควรดำเนินการเชิงรุกในการส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกของประเทศ ผ่านการประชาสัมพันธ์และการทูตสาธารณะ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเทศไทยในเวทีโลก การแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการต่อต้านการกระทำผิดกฎหมายและการสนับสนุนความโปร่งใสในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นจากนานาชาติ
ป้ายโฆษณาจีนจุดประกาย: โอกาสทองปรับโฉมความมั่นคงไทยสู่ศตวรรษที่ 21
ท้ายที่สุด เหตุการณ์ป้ายโฆษณาภาษาจีนขายพาสปอร์ตนี้ควรถูกมองเป็นโอกาสในการทบทวนและปรับปรุงระบบการบริหารจัดการด้านความมั่นคงและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในยุคโลกาภิวัตน์ การรับมือกับความท้าทายนี้อย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของชาติในระยะสั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต ความสำเร็จในการจัดการกับปัญหานี้จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญถึงความสามารถของประเทศไทยในการปรับตัวและรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ในศตวรรษที่ 21
เรียบเรียง ยศไกร รัตนบรรเทิง บรรณาธิการ TNN ONline
ข่าวแนะนำ