พริกขี้หนู 800 บาท/กก. ราคาแรงทะลุเพดาน! ผักธรรมดาที่แพงเกินเอื้อม
พริกแพง 800 บาท/กก. ไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่คือสัญญาณเตือนภัยถึงอนาคตอาหารไทย
พริกแพงทะลุเพดาน 800 บาทต่อกิโล ประชาชนชัยนาทงงหนัก
สถานการณ์ราคาพริกที่พุ่งสูงขึ้นถึง 800 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้บริโภคทั่วไป โดยเฉพาะที่จังหวัดชัยนาท ตลาดสดเทศบาลเมืองชัยนาท ซึ่งมีความต้องการใช้พริกขี้หนูสวนในร้านอาหารและครัวเรือนเป็นจำนวนมาก จากเดิมที่ราคาปกติอยู่ที่กิโลกรัมละ 250 บาท แต่ปัจจุบันราคาได้พุ่งขึ้นไปแตะ 800 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ผู้บริโภคหลายคนต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อจากเดิมที่สั่งครั้งละกิโลกรัมหรือครึ่งกิโล เพราะสู้ราคาไม่ไหว
คุณจิรภรณ์ ใหม่หันลา แม่ค้าผักสดในตลาด เปิดเผยว่าราคาพริกขี้หนูสวนเริ่มปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม เนื่องจากผลกระทบจากภัยแล้งในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ผลผลิตพริกน้อย ขณะที่ความต้องการยังคงสูง จากร้านอาหารที่ต้องใช้พริกในการประกอบอาหาร เช่น น้ำจิ้ม ส้มตำ และอาหารประเภทผัด จึงผลักดันให้ราคาพริกพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งแตะระดับ 800 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งนับเป็นราคาที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ยิ่งไปกว่านั้น บางวันสินค้ายังขาดตลาด เพราะเกษตรกรไม่สามารถส่งผลผลิตมาให้ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายประมวล นิลนาค พาณิชย์จังหวัดชัยนาท ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับร้านค้าปลีกทั้งที่ตลาดสดเทศบาลเมืองชัยนาท และตลาดสดภาษีซุง พบว่าราคาขายจริงอยู่ที่กิโลละ 550-600 บาท โดยรับซื้อมาในราคากิโลละ 500-550 บาท ซึ่งไม่ถึง 800 บาทตามที่เป็นข่าว ทั้งนี้ทางจังหวัดยอมรับว่าราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากผลผลิตพริกที่ลดลงจากสภาพอากาศร้อนจัดในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่หน้าฝน สถานการณ์ราคาพริกจะคลี่คลายลงอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ยังประสานไปยังกรมการค้าภายในเพื่อเชื่อมโยงผักจากตลาดกลาง เปิดให้มีจุดจำหน่าย และจะมีมาตรการดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ
เบื้องหลังความผันผวนนี้ ข้อมูลสถิติราคาผักย้อนหลัง 5 ปี บ่งบอกถึงการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและรุนแรง ผักทุกชนิดปรับราคาพรวดพราด ตั้งแต่ผักกาดหอม 128% คะน้า 150% ไปจนถึงกะหล่ำปลีที่เพิ่มกว่าเท่าตัว สัญญาณอันตรายที่เตือนว่าวิกฤตกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
จากเหนือจรดใต้ ภัยแล้งถล่มหนัก ตีคู่กับราคาผักที่ผันผวนรุนแรง เชียงใหม่เจอราคาผักกาดขาวปลีพุ่งกระฉูด นครราชสีมาก็เจอมะนาวแพงเป็นเท่าตัว ส่วนขอนแก่นและนครศรีธรรมราชราคาพริกแตงกวาก็ไม่น้อยหน้า สะท้อนถึงปัญหาที่กระจายวงกว้างและรุนแรงเกินคาด
จากข้อมูล ปภ. ปีนี้มีพื้นที่ประกาศภัยแล้งแล้วกว่า 50 จังหวัด โดยเฉพาะภาคอีสานที่เจอภัยแล้งหนักสุดในรอบหลายปี ผนวกกับน้ำในเขื่อนที่ลดฮวบ กระทบหนักต่อเกษตรกรรมและการผลิตกระแสไฟฟ้า ยิ่งตอกย้ำว่าวิกฤตพริกแพงผักแพงเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด
ผลกระทบยังลามไปถึงสุขภาพประชาชนด้วย เมื่อผักแพงเกินเอื้อม ผักคุณภาพดีอาจหายไปจากจานอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางอย่างเด็ก ผู้สูงวัย หรือผู้ป่วยที่ต้องการอาหารเฉพาะ จำต้องเผชิญปัญหาทุพโภชนาการที่ซ้ำเติม
หน่วยงานรัฐเร่งออกมาตรการระยะสั้นเพื่อช่วยประคองในวิกฤต ทั้งการจัดสรรน้ำ ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยถูก ส่งเสริมปลูกพืชใช้น้ำน้อย และช่วยกระจายผลผลิต แต่ที่สำคัญคือการแก้ปัญหาเชิงระบบในระยะยาว
ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนการปฏิรูป ไม่ว่าภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม หรือเกษตรกรเอง ในการบริหารจัดการทรัพยากรแบบมีส่วนร่วม วางแผนสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือการทำตลาดนัดสีเขียวเพื่อจำหน่ายผักอินทรีย์ในราคาเป็นธรรม
และที่ขาดไม่ได้คือพลังผู้บริโภคอย่างเรา ในการเลือกซื้อผักผลไม้ท้องถิ่นตามฤดูกาล สนับสนุนของอินทรีย์ ลดการบริโภคที่ฟุ่มเฟือย เพราะการเปลี่ยนแปลงแม้เล็กน้อยจากทุกคน เมื่อรวมพลังกันแล้วจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนใหญ่ในการปฏิรูประบบอาหารได้อย่างแน่นอน
ภัยแล้งพาพริกแพง ผักแพง กำลังทดสอบความมั่นคงทางอาหารของเรา ถึงเวลาร่วมด้วยช่วยกันฝ่าวิกฤต เลือกซื้ออย่างรู้ค่า ปรับตัวสู่ความท้าทายใหม่ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ภาพ Getty Images
ข่าวแนะนำ