TNN ไทยยืนหนึ่งส่งออก 'แป้งมัน' ยอดพุ่ง 1.8 หมื่นล้านบาท

TNN

TNN Exclusive

ไทยยืนหนึ่งส่งออก 'แป้งมัน' ยอดพุ่ง 1.8 หมื่นล้านบาท

ไทยยืนหนึ่งส่งออก 'แป้งมัน' ยอดพุ่ง 1.8 หมื่นล้านบาท

แป้งมันสำปะหลังไทยรุ่ง! ส่งออกพุ่งสวนกระแสผลผลิตลด รัฐเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน

มันสำปะหลัง พืชเศรษฐกิจสำคัญของไทยที่ครองตำแหน่งผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลกมาอย่างยาวนาน แม้ในปีนี้อุตสาหกรรมมันสำปะหลังจะเผชิญความท้าทายจากปัญหาผลผลิตที่ลดลงและความผันผวนของราคา แต่ในท่ามกลางวิกฤตก็ยังมีสัญญาณบวกจากการส่งออกแป้งมันสำปะหลังที่ยังเติบโตได้ดี ขณะที่รัฐบาลและภาคเอกชนก็เร่งให้ความช่วยเหลือเกษตรกร พร้อมกับวางแผนการพัฒนาในระยะยาว เพื่อให้อุตสาหกรรมนี้กลับมาฟื้นตัวและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป


การส่งออกแป้งมันสำปะหลังเติบโตสวนทางมูลค่ารวม


แม้ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ จะระบุว่าในไตรมาสแรกของปี 2567 มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังโดยรวมของไทยหดตัวลง 16.39% เหลือ 33,167 ล้านบาท แต่เมื่อพิจารณาแยกตามประเภทผลิตภัณฑ์ กลับพบว่าการส่งออกแป้งมันสำปะหลังยังสามารถเติบโตได้ดี โดยแป้งมันดิบมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 49.12% อยู่ที่ 18,116 ล้านบาท ขณะที่แป้งมันสำปะหลังแปรรูปขยายตัวได้ 4.99% คิดเป็นมูลค่า 8,578 ล้านบาท


ทั้งนี้ การที่มูลค่าส่งออกโดยรวมลดลง เป็นผลมาจากการส่งออกมันเส้น และมันสำปะหลังอัดเม็ดที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 5,930 ล้านบาท และ 76 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการ สนค.เปิดเผยว่า การส่งออกมันเส้นลดลงนั้น เกิดจากผลผลิตมันสำปะหลังในประเทศที่ตกต่ำลงในปีนี้ ซึ่งจะกระทบต่อปริมาณการผลิตและส่งออกมันเส้นไปด้วย


รักษาบัลลังก์ผู้นำส่งออก แต่ต้องจับตาคู่แข่ง


อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ Global Trade Atlas ในช่วงไตรมาสแรกปี 2567 ไทยยังคงครองส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นอันดับ 1 ของโลก โดยมีสัดส่วน 18.70% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด โดยประเทศคู่แข่งที่สำคัญ ได้แก่ เวียดนาม ลาว สหรัฐฯ และจีน ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 10.19%, 9.37%, 5.28% และ 4.10% ตามลำดับ


ด้านตลาดส่งออกสำคัญ จีนยังคงเป็นประเทศนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอันดับ 1 ของไทย คิดเป็น 48% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด รองลงมาคือ อินโดนีเซีย (12.82%) ญี่ปุ่น (9.99%) ไต้หวัน (5.44%) และมาเลเซีย (3.73%) ซึ่งนายพูนพงษ์ คาดว่า ตลาดส่งออกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างอินโดนีเซีย และมาเลเซีย จะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้แป้งมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลที่กำลังเติบโต


ผลผลิตตก-ราคาผันผวน ปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้


ปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในปีนี้ คือ การลดลงของผลผลิตมันสำปะหลังในประเทศ โดย สนค. คาดว่าตลอดปี 2567 ผลผลิตมันสำปะหลังจะลดลง 12.21% อยู่ที่ 26.88 ล้านตัน ขณะที่ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ก็ลดลง 6.27% เหลือ 3,096 กก./ไร่ ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาโรคใบด่าง โรคพุ่มแจ้ รวมถึงภาวะแล้งและขาดแคลนน้ำในหลายพื้นที่


นอกจากนี้ นายพูนพงษ์ ยังระบุด้วยว่า เกษตรกรและผู้ประกอบการยังต้องเผชิญกับความผันผวนของราคาหัวมัน และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งจะกดดันให้รายได้สุทธิลดลง จึงจำเป็นต้องมีมาตรการจากภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ


นายพูนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากมาตรการเร่งด่วนแล้ว ในระยะยาว รัฐบาลจะผลักดันความร่วมมือกับภาคเอกชนและสถาบันวิจัย ในการพัฒนาพันธุ์มันสำปะหลังให้ทนต่อโรคและให้ผลผลิตสูง รวมถึงส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการผลิต และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์แปรรูป


สำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการ สามารถดำเนินการตามแนวปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยั่งยืน เพื่อช่วยลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้ความสำคัญกับการจัดหาแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลาย เพื่อให้มีวัตถุดิบป้อนเข้าสู่กระบวนการแปรรูปได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งใช้ประโยชน์จากข้อมูลสภาพภูมิอากาศ การพยากรณ์อากาศ และเทคโนโลยีด้านการเกษตรขั้นสูง เช่น โดรน เซ็นเซอร์ และภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อประกอบการตัดสินใจเพาะปลูก การบริหารจัดการน้ำ การจัดการศัตรูพืช และการเก็บเกี่ยว ตลอดจนใช้เครื่องมือในการจัดการความเสี่ยงและการประกันภัย อาทิ การประกันพืชผล และการกระจายความหลากหลายของ พันธุ์พืชที่ปลูก เพื่อลดความสูญเสียจากภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในปัจจุบัน


พลิกโฉมการปลูกมันสำปะหลังไทย สู้ภัยพิบัติ สร้างผลผลิตยั่งยืน


เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตมันสำปะหลัง เกษตรกรและผู้ประกอบการควรปรับตัวโดยนำแนวทางการเกษตรยั่งยืนมาปฏิบัติ ทั้งการกระจายความเสี่ยงด้วยการจัดหาแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลายเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการแปรรูปอย่างต่อเนื่อง การใช้ประโยชน์จากข้อมูลสภาพอากาศ การพยากรณ์ และเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ เช่น โดรน เซ็นเซอร์ ภาพถ่ายดาวเทียม ในการวางแผนการผลิตตั้งแต่การเพาะปลูก การจัดการน้ำและศัตรูพืช ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว นอกจากนี้ การทำประกันภัยพืชผล และการปลูกมันสำปะหลังหลากหลายสายพันธุ์ ก็เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากความแปรปรวนของสภาพอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน


สรุป


แม้อุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยจะได้รับผลกระทบจากปัญหาผลผลิตลดลง ราคาความผันผวน ทำให้มูลค่าการส่งออกรวมชะลอตัวลง แต่ไทยก็ยังคงรักษาตำแหน่งผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกต่อไปได้ โดยการปรับตัวเน้นการส่งออกแป้งมันสำปะหลังมากขึ้น ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและเป็นที่ต้องการของตลาด 


ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ต้องเดินหน้ามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วน และร่วมมือกับภาคเอกชนพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีการผลิต ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาในระยะยาว และสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมนี้ต่อไป



เรียบเรียง ยศไกร รัตนบรรเทิง TNN 


แหล่งที่มา 

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์
Global Trade Atlas

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์

กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์


ข่าวแนะนำ