ปล่อยกู้แรงงาน 80 ล้านบาท แก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือทางออกยั่งยืน?
ปล่อยกู้แรงงาน 80 ล้านบาท แก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือทางออกยั่งยืน?
แรงงานในระบบของไทยต้องเผชิญกับปัญหาหนี้สินที่น่ากังวล โดยมีหนี้สินเฉลี่ยอยู่ที่ 72,000 บาทต่อคน สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่รุนแรงในประเทศ การปล่อยกู้ 80 ล้านบาทจากกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานเป็นความพยายามที่ดี แต่อาจไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับแรงงานในระบบทั้งหมดประมาณ 40 ล้านคน ดังนั้น การมุ่งเน้นปล่อยกู้ให้แก่แรงงานในระบบเป็นหลัก พร้อมการเพิ่มวงเงินและพัฒนามาตรการเสริมอื่นๆ อาจเป็นแนวทางที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของแรงงานไทยอย่างยั่งยืน
เมื่อเร็วๆ นี้ นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน ได้เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานได้จัดเตรียมงบประมาณ 80 ล้านบาท สำหรับกองทุนเพื่อให้ผู้ใช้แรงงานและลูกจ้างสามารถกู้ยืมเงินได้ ทั้งเพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้สินและเพิ่มรายได้
ก.แรงงานปล่อยกู้เงิน ช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน
ภายใต้โครงการ "เงินกู้กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน Micro Finance ลดหนี้ เติมทุน สร้างสุขแรงงาน" กระทรวงแรงงานมีเป้าหมายในการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานและลูกจ้างที่ประสบปัญหาหนี้สิน รวมถึงสนับสนุนให้พวกเขามีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
การปล่อยกู้ให้กับแรงงานโดยกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน เป็นหนึ่งในกลไกที่อาจช่วยแก้ปัญหาหนี้สินระยะยาวของแรงงานได้ ข้อดีของกองทุนเงินกู้ คือ ช่วยให้แรงงานเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ บริหารจัดการหนี้สินได้ง่ายขึ้น และได้รับคำปรึกษาด้านการวางแผนทางการเงิน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้แรงงานเข้าถึงเงินทุนเพื่อพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้
อย่างไรก็ตาม การปล่อยกู้เงินเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องมีกลไกสนับสนุนอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การให้ความรู้ทางการเงิน การส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจ และการกำกับดูแลที่ดี เพื่อให้มั่นใจว่าการปล่อยกู้เงินบรรลุวัตถุประสงค์ และช่วยให้แรงงานหลุดพ้นจากวงจรหนี้สินได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปกับการปล่อยกู้เงิน
เงื่อนไขและคุณสมบัติของผู้ที่จะสามารถกู้เงินจากกองทุนนี้มีอะไรบ้าง?
สำหรับผู้ใช้แรงงานหรือลูกจ้างที่ประสงค์จะขอกู้ให้ติดต่อที่สหกรณ์ออมทรัพย์หรือเครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการหรือรัฐวิสาหกิจที่ตนเป็นสมาชิก โดยเงินกู้ระยะสั้นกรณีปกติ อัตราดอกเบี้ย 2.75% ต่อปี กำหนดชำระคืนไม่เกิน 1 ปี เงินกู้ระยะยาวกรณีปกติ อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี กำหนดชำระคืน 1 – 5 ปี นอกจากนี้ยังมีเงินกู้เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติ อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี และเงินกู้สร้างสุข ปลดทุกข์หนี้นอกระบบ อัตราดอกเบี้ย 0.5 – 1.5% ต่อปี และพิเศษดอกเบี้ย 0% ในช่วง 3 เดือนแรกสำหรับสหกรณ์ที่ไม่เคยใช้บริการมาก่อน ทั้งนี้ตั้งแต่เดือน ต.ค.2566 – มี.ค.2567 มีสหกรณ์ที่ได้รับเงินกู้จากกองทุนผู้ใช้แรงงานไปแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์เจ้าหน้าที่สหกรณ์นครสวรรค์ จำกัด เป็นเงิน 3 ล้านบาท และสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานสหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง จำกัด เป็นเงิน 2.8 ล้านบาท และอยู่ระหว่างยื่นคำขอกู้อีก 3 แห่ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ได้เน้นย้ำให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ประชาสัมพันธ์โครงการนี้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานและสหกรณ์ต่างๆ ได้รับทราบและเข้าถึงแหล่งเงินทุนดังกล่าว ซึ่งนอกจากการปล่อยกู้แล้ว กระทรวงแรงงานมีแผนงานด้านอื่นๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงานอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นางโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้กล่าวถึง กองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานที่ตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2538 โดยกองทุนดังกล่าวได้ให้บริการเงินกู้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์/เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการ จำนวน 338 แห่ง เป็นเงินกว่า 2,600 ล้านบาท ซึ่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินของลูกจ้างที่เป็นสมาชิกสหกรณ์กว่า 269,000 คน
ทั้งนี้ สหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ต้องการกู้เงินจากกองทุนฯ สามารถยื่นคำขอได้ทั้งที่กองสวัสดิการแรงงานกรุงเทพฯ และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด หรือผ่านระบบ e-service ที่ https://labourfund.labour.go.th และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 02 660 2180
แรงงานในระบบ: หนี้สินเฉลี่ย 72,000 บาทต่อคน
จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าแรงงานในระบบ (ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน) ในประเทศไทยมีหนี้สินเฉลี่ยอยู่ที่ 72,000 บาทต่อคน ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่รุนแรงในประเทศไทย
การปล่อยกู้ 80 ล้านบาทจากกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน เป็นความพยายามที่ดีในการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ประสบปัญหาหนี้สิน
อย่างไรก็ตาม เงินจำนวนดังกล่าวอาจจะไม่เพียงพอ เนื่องจากประเทศไทยมีแรงงานทั้งหมดประมาณ 40 ล้านคน โดยแรงงานนอกระบบ ซึ่งมีจำนวนประมาณ 19 ล้านคน และแรงงานในระบบ 21 ล้านคน
ดังนั้น การปล่อยกู้จำนวน 80 ล้านบาท จะแบ่งได้เพียงคนละไม่กี่บาท ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาหนี้สินของแรงงานในระบบ ที่มีหนี้สินเฉลี่ยถึง 72,000 บาทต่อคน
นอกจากนี้ แรงงานต้องมีหลักประกันและศักยภาพในการชำระคืนเงินกู้ ซึ่งอาจจะไม่ครอบคลุมแรงงานทุกกลุ่ม และการปล่อยกู้เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีมาตรการเสริมอื่น ๆ เช่น การให้ความรู้ทางการเงิน การส่งเสริมอาชีพ และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ
เพื่อให้การแก้ปัญหาหนี้สินของแรงงานไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน รัฐบาลควรพิจารณาเพิ่มวงเงินกู้ ผ่อนคลายเงื่อนไขการกู้ และพัฒนามาตรการเสริมอื่น ๆ เช่น การให้ความรู้ทางการเงิน การส่งเสริมอาชีพ และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้ครอบคลุมและแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน
เรียบเรียงข้อมูลจาก
กระทรวงแรงงาน: https://www.labour.go.th/
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
สำนักงานสถิติแห่งชาติ: https://www.nso.go.th/
ข่าวแนะนำ