เตือน "จัดฟันแฟชั่น" นอกจากไม่มีประโยชน์ แถมอันตรายถึงชีวิต
สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ เตือนวัยรุ่นที่อยากเท่ ด้วยการจัดฟันแฟชั่น แนะเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องผิดกฎหมายและอันตราย ทั้งจากการติดเชื้อ เกิดแผลอักเสบ และถึงแก่ชีวิตจากวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานทางการแพทย์
แฟ้มภาพ
วันนี้ (14ธ.ค.64) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึง ปัจจุบันมีข่าวที่เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก พบวัยรุ่นจัดฟันแฟชั่น โดยใช้กาวร้อนติดอุปกรณ์ที่ใช้จัดฟันแฟชั่น ซึ่งน่าเป็นห่วงและอันตรายอย่างมาก โดยกาวร้อนหรือกาวตราช้างเป็นสารเคมีในกลุ่มไซยาโนอะคริเลต มีคุณสมบัติเป็นสารยึดติดที่แห้งเร็ว กาวชนิดนี้มีโครงสร้างทางเคมีที่เหมาะสำหรับใช้เฉพาะเชิงอุตสาหกรรม การสลายตัวของสารจะมีการปล่อยสารฟอร์มัลดีไฮด์ และ อัลคิลไซยาโนอะคริเลต ซึ่งไม่ควรนำมาใช้กับช่องปากหรือสัมผัสโดยตรงกับร่างกาย เพราะอาจเกิดพิษต่อเนื้อเยื่อและระบบทางเดินหายใจได้
เนื่องจากมีปฏิกิริยาการคายความร้อนที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองได้มากกว่ากาวที่ใช้เฉพาะทางสำหรับทางการแพทย์ โดยการจัดฟันเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องการสบฟันผิดปกติ ฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันยื่น โดยต้องมีทันตแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน ในปัจจุบันพบการจัดฟันแฟชั่นที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ มีรูปแบบการพัฒนาไปจากเดิมมาก มีแหล่งการขายวัสดุจัดฟันออนไลน์ขนาดใหญ่ขายผ่านเฟซบุ๊ก รวมทั้งร้านค้าที่ลักลอบเปิดให้บริการติดอุปกรณ์ลวดดัดฟันแฟชั่นผิดกฏหมาย โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียน นักศีกษา คิดค่าบริการในราคาถูก ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องและอาจทำให้เกิดอันตรายได้
ดังนั้นควรได้รับการรักษาจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีการประเมินก่อนการรักษา เพราะการจัดฟันเป็นการรักษาที่ต่อเนื่องและใช้ระยะเวลานาน เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ต้องผ่านขั้นตอนการฆ่าเชื้อ มีการบรรจุในซองอย่างดี รวมไปถึงขั้นตอนในการติดตั้งอุปกรณ์ในการจัดฟันต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์
ทั้งนี้ หากเกิดปัญหาจากการจัดฟันแฟชั่นหรือร้านที่ไม่ได้มาตรฐาน ต้องรีบพบทันตแพทย์ทันทีเพื่อทำการรักษาและแก้ไขได้ทันเวลา
ทพ.หญิงสุมนา โพธิ์ศรีทอง ทันตแพทย์ชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดฟันแฟชั่นหรือคลินิกเถื่อนที่ไม่ใช่ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ส่งผลร้ายต่อสุขภาพฟันและสุขภาพช่องปาก ทำให้ฟันผุ เหงือกอักเสบ มีเลือดไหล เกิดแผลในช่องปาก เนื่องจากลวดและพลาสติกอาจกดเหงือกหรือทิ่มเหงือก รวมทั้งสารอันตรายต่างๆทั้งจากลวด เหล็ก และกาวยึดติดที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังในข่าวปัจจุบันที่พบวัยรุ่นใช้กาวร้อนติดอุปกรณ์จัดฟันแฟชั่น ซึ่งเป็นสารเคมีในกลุ่มไซยาโนอะคริเลตที่ปกติใช้ในเชิงอุตสาหกรรม ส่งผลให้มีการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อได้ ซึ่งอาจเกิดพิษต่อเนื้อเยื่อและระบบทางเดินหายใจอีกด้วย
นอกจากนี้ การนำวัสดุใดๆมาใช้กับในช่องปาก จำเป็นต้องเป็นวัสดุทางการแพทย์ (Medical grade) ซึ่งจะต้องผ่านการทดลองและวิจัยมาแล้วว่าสามารถเข้ากับเนื้อเยื่อในช่องปากได้ และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย รวมทั้งการยึดติดของวัสดุในช่องปากจำเป็นต้องมีการติดแน่น เพื่อให้มีการเคลื่อนของฟันเป็นไปอย่างต่อเนื่องไปตามทิศทางที่ต้องการ เพื่อให้การจัดฟันประสบความสำเร็จตามแผนการรักษาที่ได้วางไว้
ข้อมูลจาก กรมการแพทย์
ภาพจาก AFP / กรมการแพทย์