บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายส่งผลต่อพัฒนาการเด็ก

กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี แนะนำผู้ปกครองควรให้ความรู้โทษพิษภัยของบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า และการเฝ้าระวังป้องกันในเด็กและเยาวชน เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์บุหรี่โดยใช้พลังงานความร้อน จากไฟฟ้าเปลี่ยนนิโคตินเป็นละอองไอระเหยเข้าสู่ร่างกาย ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าพัฒนาเป็น generation  ที่ 5 มีรูปลักษณ์ เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กและเยาวชน น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า มีองค์ประกอบด้วย นิโคติน และ สารละลาย เช่น โพรไพลีนไกลคอล กลีเซอรีน สารแต่งกลิ่น และ รส ซึ่งมีผลต่อการเสพติด และสุขภาพผลต่อสมองเนื่องจากสมองจะมีพัฒนาการเต็มที่ตอนอายุ 25 ปี ถ้าได้รับสารนิโคตินในระหว่างนี้จะส่งผลต่อพัฒนาการสมอง เช่น ผลด้านอารมณ์ ผลต่อความจำ ความคิด และการใช้สารเสพติดอื่นๆ ผลต่อสุขภาพเนื่องจากสารเคมีที่เป็นองค์ประกอบของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า มีผลทำลายปอดจากสถานการณ์ปัจจุบันพบอัตราการบริโภคบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนสูงขึ้นและพบในอายุที่ต่ำลง


บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายส่งผลต่อพัฒนาการเด็ก

สรุปข่าว

ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าพัฒนาเป็น generation ที่ 5 มีรูปลักษณ์ เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กและเยาวชน น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า มีผลต่อการเสพติด และสุขภาพผลต่อสมองเนื่องจากสมองจะมีพัฒนาการเต็มที่ตอนอายุ 25 ปี ถ้าได้รับสารนิโคตินในระหว่างนี้จะส่งผลต่อพัฒนาการสมอง

นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า พิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้ามีความอันตราย ไม่แตกต่างจากบุหรี่มวน พัฒนาการของบุหรี่ไฟฟ้ามุ่งเน้นที่เด็กและเยาวชน บุหรี่ไฟฟ้ามีรูปลักษณ์ที่สวยงาม กลิ่นหอม มีนิโคตินสังเคราะห์ลดการระคายเคืองจากการสูบ ส่งผลต่อการเสพติด เป็น gateway การเสพติดของสารเสพติดตัวอื่นๆ ส่งผลกระทบต่ออารมณ์  ความผิดปกติทางพฤติกรรม   

ปัจจัยเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติด ได้แก่

ชุมชน/สังคม: มีกฎหมายแต่ขาดการบังคับใช้กฎหมาย มีสิ่งเสพติดพร้อมใช้และสามารถเข้าถึงได้ง่าย 

โรงเรียน/การศึกษา: ไม่อยู่ในระบบการศึกษา ถูกปฏิเสธในระบบการศึกษา มีพฤติกรรมใช้สารเสพติด 

ครอบครัว: ครอบครัวเป็นตัวอย่างใช้สารเสพติด ขาดการมีส่วนร่วมในครอบครัว มีความขัดแย้งในครอบครัว 

ปัจจุบันพบเด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ การให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน โดยเฉพาะเด็กในช่วงวัยเรียน ครู ผู้ปกครอง เพื่อเฝ้าระวัง และป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า บูรณางานควบคุมการบริโภคยาสูบร่วมกับเครือข่าย ภาคีทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน รวมถึงการให้บริการช่วยเลิกบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้าให้ครอบคลุมทุกแห่ง เชื่อมโยงชุมชน และเครือข่าย

 

นายแพทย์อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า  บุหรี่ไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าให้ความร้อนกับน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเกิดเป็นไอระเหยนิโคติน ซึ่งสารนิโคตินมีฤทธิ์การเสพติดที่เป็นส่วนผสมในน้ำยาของบุหรี่ไฟฟ้า  พบว่าบุหรี่ไฟฟ้าหนึ่งแท่งมีปริมาณนิโคตินเท่ากับบุหรี่มวน จำนวน 20 มวน  สถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มอายุ 15 – 24 ปีพบสูงขึ้น สารนิโคตินที่ก่อให้เกิดโทษส่งผลต่อการพัฒนาการของสมอง และสารเคมีอื่นๆในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีผลสุขภาพของเด็กที่สูบ ได้แก่ ระบบการหายใจ จะเกิดการระคายเคือง ไอ เหนื่อยง่าย มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หลอดลมอักเสบ โรคมะเร็ง ระบบหลอดเลือดและหัวใจ ภาวะหลอดเลือดแข็ง จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น ระบบประสาทและสมอง เซลล์สมองถูกทำลาย ความจำลดลง เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ระบบทางเดินอาหารทำให้เกิดแผลในกระเพาะ คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อนและอาจนำไปสู่โรคมะเร็ง  

สำหรับผู้ที่ได้รับควัน/ไอระเหยมือสอง มือสาม สามารถส่งผลในต่อการพัฒนาสมองและหน่วยความจำโดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น และสตรีมีครรภ์ที่ได้รับนิโคตินอาจส่งผลต่อการพัฒนาทารกในครรภ์ เพื่อป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของบุตรหลาน แนะพ่อ แม่ ผู้ปกครองและครูอาจารย์ที่โรงเรียน สังเกตพฤติกรรม เฝ้าระวังการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าทั้งที่บ้านและสถานศึกษาให้เป็นสถานที่ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงเป็นตัวอย่างที่ดีโดยการไม่สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า   

                               

ที่มาข้อมูล : สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี

ที่มารูปภาพ : Canva

avatar

Panpilai Pukahuta
(Panpilai Pukahuta)