ครม.ไฟเขียวจ่ายค่าตอบแทน "อสม." 500 บาทเป็นเวลา 2 เดือน
อสม.เฮ! ครม.ไฟเขียวตามข้อเสนอสาธารณสุขจัดงบกลาง 1,050 ล้านบาท จ่ายค่าตอบแทนสร้างขวัญกำลังใจ อสม.และอสส เดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 2 เดือน "อนุทิน" ชื่นชมทำหน้าที่ด่านหน้าหนุนไทยเป็นที่ยอมรับระดับโลก
อสม.เฮ! ครม.ไฟเขียวตามข้อเสนอสาธารณสุขจัดงบกลาง 1,050 ล้านบาท จ่ายค่าตอบแทนสร้างขวัญกำลังใจ อสม.และอสส เดือนละ 500 บาทเป็นเวลา 2 เดือน "อนุทิน" ชื่นชมทำหน้าที่ด่านหน้าหนุนไทยเป็นที่ยอมรับระดับโลก
วันนี้ (30 ส.ค.65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายปี 2565 งบกลาง วงเงิน 1,050 ล้านบาท เพื่อจ่ายเป็นค่าตอบแทนและค่าเสี่ยงภัย ในการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมโควิด-19
แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 1,039,729 คน และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) จำนวน 10,577 คน รวม 1,050,306 คน ในอัตรา 500 บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับเดือน เม.ย.-พ.ค. 2565 รวม 2 เดือน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ทั้งนี้ ขอขอบคุณที่ ครม. ได้ให้การสนับสนุนการสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ อสม. และอสส. โดยต่อเนื่อง ซึ่งการอนุมัติครั้งนี้ จะเป็นการจ่ายค่าตอบแทนและค่าเสี่ยงภัยที่ต่อเนื่องจากงวดเดือน ต.ค.2564 ถึง มี.ค.2565 ที่ ครม. ได้ อนุมัติเงินงบประมาณสนับสนุน 3,150 ล้านบาท เพื่อจ่ายให้กับ อสม.และ อสส. คนละ 500 บาทต่อคนต่อเดือน รวมเวลา 6 เดือน
“ตลอดระยะเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อสม. และ อสส. ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการดูแลพี่น้องประชาชนในระดับชุมชนและท้องถิ่นทั่วประเทศอย่างเข้มแข็ง เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้การควบคุมโรคในประเทศดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และระบบสาธารณสุขไทยได้รับการชื่นชมว่าสามารถบริหารจัดการสถานการณ์โควิด19 ได้ดีอันดับต้นๆ ของโลก” นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ อสม.และ อสส. ได้ทำหน้าที่สนับสนุนเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ในการการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด 19 ในชุมชนตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดในประเทศไทย ทั้งการให้ความรู้ในการป้องกันและดูแลสุขภาพตนเองแก่ประชาชน เฝ้าระวังและคัดกรองกลุ่มเสี่ยง
ร่วมกับทีม 3 หมอ ดูแลผู้ป่วยโควิด 19 แยกกักรักษาตัวในชุมชน(CI)38,157แห่ง และแยกกักรักษาตัวที่บ้าน(HI) 34,843 คน แนะนำกลุ่มเป้าหมายตรวจ ATK และรายงานผลการตรวจผ่าน Application “สมาร์ท อสม.” เชิญกลุ่มผู้สูงอายุ60 ปีขึ้นไป และผู้มีโรคประจำตัว มารับวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์.
ภาพจาก กระทรวงสาธารณสุข