นักวิจัยออกซ์ฟอร์ดพบเชื้อ "HIV สายพันธุ์ใหม่" ที่เนเธอร์แลนด์
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด พบเชื้อไวรัส "เอชไอวีสายพันธุ์ใหม่" มีการกลายพันธุ์กว่า 500 จุด มีปริมาณไวรัสในกระแสเลือดสูงกว่าผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์อื่น 3.5-5.5 เท่า
วันนี้( 4 ก.พ.65) คณะนักวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สหราชอาณาจักร เปิดเผยผลการศึกษาวิจัย พบการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส "เอชไอวี" เป็นสายพันธุ์ใหม่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีชื่อว่า"เอชไอวีสายพันธุ์วีบี"(VB variant) มีการกลายพันธุ์กว่า 500 จุด โดยเชื้อไวรัส เอชไอวีสายพันธุ์นี้ มีความรุนแรงและแพร่ระบาดอย่างเงียบๆในเนเธอร์แลนด์มานานนับสิบปีแล้ว
ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อสายพันธุ์วีบี จะมีปริมาณเชื้อไวรัสในกระแสเลือดสูงกว่าผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์อื่น 3.5-5.5 เท่า และยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลายรวดเร็วขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม การวิจัยพบว่า ผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์วีบี สามารถฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันและใช้ชีวิตได้ต่อไปหลังเข้ารับการรักษาเช่นเดียวผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์อื่น ๆ
ทีมวิจัยเชื่อว่า การระบาดของเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ใหม่ในเนเธอร์แลนด์ ยังไม่น่าวิตกกังวล เนื่องจากวิทยาการรักษาในปัจจุบัน ยังมีประสิทธิภาพที่จะต่อต้านเชื้อได้อย่างดีพอ งานวิจัยชิ้นนี้ยังสนับสนุนทฤษฎีที่ว่าเชื้อไวรัสสามารถวิวัฒนาการจนร้ายแรงขึ้นได้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่มีการตั้งสมมติฐานอย่างกว้างขวางและพบตัวอย่างในโลกแห่งความเป็นจริงเพียงไม่กี่ตัวอย่าง โดยโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งการค้นพบสายพันธุ์ใหม่ของเอชไอวี เป็นคำเตือนว่าไม่ควรมั่นใจเกินไปที่จะพูดว่าไวรัสจะพัฒนาแล้วมีความรุนแรงน้อยลง
สอดคล้องกับความเห็นของ ดร.อนันต์ จงแก้ววิทยา นักวิจัยด้านไวรัสวิทยา ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หรือ ไบโอเทค สวทช.โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุว่า เอชไอวี อยู่กับมนุษย์มาหลายสิบปีแล้ว การค้นพบสายพันธุ์เอชไอวีในยุโรปที่สามารถแพร่กระจายได้ไว และ มีความรุนแรงมากขึ้น เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่บอกว่า ไวรัสไม่จำเป็นต้องปรับตัวให้อ่อนเชื้อลงเมื่ออยู่ในประชากรในมนุษย์เป็นเวลานาน ตราบใดช่วงที่ไวรัสจำเป็นต้องเพิ่มปริมาณตัวเอง ไม่ได้ทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิต ในช่วงนั้น ไวรัสไม่น่าจะสนใจว่าจะต้องปรับตัวให้ผู้ติดเชื้อ ต้องไม่ตายเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด
ขณะที่ เชื้อ SARS-CoV-2 ติด และเพิ่มปริมาณตอนผู้ติดเชื้อ ยังสบายดี,อาการไม่มาก, และแพร่กระจายเชื้อได้มากในช่วงนั้น ส่วนช่วงปอดอักเสบรุนแรง คงไม่ใช่ระยะแพร่กระจายเชื้อแล้ว เช่นเดียวกับเชื้อเอชไอวี ที่เพิ่มปริมาณ และแพร่กระจายก่อนมีอาการ ดังนั้น เราจึงคาดหวังไม่ได้ว่า SARS-CoV-2 จะอ่อนเชื้อลงเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป
ภาพประกอบข่าวจาก รอยเตอร์