
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ วันที่ 10 มีนาคม 2568 ว่า การประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติสำคัญ 2 เรื่องใหญ่ คือ เรื่องที่ 1 ความคืบหน้าการฉีดวัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ โดย Kick-off วัคซีน HPV 5 ภาค ใน 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี พิษณุโลก สุโขทัยหนองคาย มหาสารคาม ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ และปัตตานี ซึ่งมีเป้าหมายที่ 1 ล้านโดส โดยฉีดไปแล้ว 7 แสนโดส ในกลุ่มเด็ก ป.5 และผู้ที่เคยรับเข็มที่ 1 มาก่อน ส่วนวัคซีนที่ยังมีอยู่ ก็จะขยายช่วงอายุของเด็ก ที่มากกว่า 11-12 ปี เป็น 11-20 ปี
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่ 2 คือ การพิจารณาเห็นชอบนโยบายและแนวทางป้องกัน 4 โรคติดต่อที่สำคัญ 1.โรคไข้หวัดใหญ่ โดยปีนี้พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ผู้ป่วยสะสม 165,333 ราย เสียชีวิต 14 ราย ซึ่งส่วนใหญ่พบเป็นกลุ่มก้อน เช่น โรงเรียน ค่ายทหาร เรือนจำ โดยมี 6 จังหวัดที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก คือ พะเยา ลำพูน เชียงราย ภูเก็ต เชียงใหม่ กรุงเทพ ซึ่งสายพันธุ์ที่ตรวจพบมากที่สุด เป็นสายพันธุ์ A(HIN1) ส่วนนโยบายและแนวทางป้องกัน กระจายวัคซีนไปยัง 6 จังหวัดเพิ่มขึ้น อีกจังหวัดละ 10,000 และสถานที่แออัดที่พบการระบาดสูง เช่น ค่ายทหาร เรือนจำ 30,000 โดส จัดหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพิ่มขึ้นจาก 4.5 ล้านโดส เป็น 6 ล้านโดส

สรุปข่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า 2.โรคไข้เลือดออก ปัจจุบัน แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยลดลง แต่อัตราป่วยตายยังสูง โดยเฉพาะกลุ่ม ผู้ใหญ่อายุ 40-59 ปี โดยนโยบายและแนวทางป้องกัน ให้อสม. สำรวจ และทำลายแหล่งเพาะพันธุลูกน้ำยุงลาย พร้อมมีนโยบายศึกษาการนำวัคซีนไข้เลือดออก เพื่อมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณานโยบายการบรรจุเข้าชุดสิทธิประโยชน์ สปสช.โดยการศึกษาประสิทธิผลของของวัคซีน มีกลุ่มเป้าหมาย เป็นอาสาสมัครเด็กอายุ 7-10 ปี จำนวน 30,000 คน พื้นที่วิจัย จ.อยุธยา และจ.นครพนม ใช้เวลาศึกษา 3 ปี ซึ่งเป็นการศึกษาเรื่องความปลอดภัย และการใช้ประโยชน์จริงในประเทศไทย ความคุ้มค่าคุ้มทุน และภาระงบประมาณประเทศ 3.โรคฝีดาษวานระ พบผู้ป่วยสะสม 873 ราย ผู้เสียชีวิต 13 ราย โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเพศชาย และผู้เสียชีวิตทุกรายตรวจพบเชื้อ HIV ซึ่งนโยบายและแนวทางป้องกัน ไทยได้รับบริจาควัคซีนมาจากสมาพันธ์ ASEAN 2,220 โดส กำลังแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์กลุ่มเสี่ยง
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า 4.โรคไวรัสตับอักเสบบีและซี โดยเป็นต้นเหตุสาเหตุของตับแข็ง ตับวาย และมะเร็งตับ ซึ่งในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อ ประมาณ 2-3 ล้านคน แม้ว่าจะมีการคัดกรองมาก แต่ผู้ที่เข้าตรวจยืนยันและได้รับการรักษาครบตามโปรแกรมยังน้อย จึงจำเป็นต้องติดตามข้อมูลจากการคัดกรองและเฝ้าระวัง เพื่อให้การดูแลและ รักษาเป็นไปอย่างครบวงจรก่อนส่งกลับชุมชน โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยที่คัดกรองพบติดไวรัสตับอักเสบ B จำนวน 290,396 ราย แต่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเพียง 34,182 ราย (13.33%) ดังนั้น นโยบายและแนวทางป้องกัน จึงเน้นส่งเสริมให้ประชาชนมาตรวจยืนยันและเข้ารับการรักษาครบโปรแกรม รวมถึงจะให้ อสม.ช่วยขับเคลื่อน เพราะเรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับนโยบาย NCDs ด้วย
เมื่อถามถึงสถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้า นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการสกัดกั้น ปราบปราม ซึ่งการปราบปรามไม่ใช่เรื่องง่าย กระทรวงสาธารณสุข ต้องบูรณาการหลายหน่วยงาน โดยได้ดำเนินการมาตลอด เพราะสารที่อยู่ในบุหรี่ไฟฟ้า คือ กลีเซอรีน รวมกับโพรไพลีนไกลคอล จะเป็นฟอร์มาลีน โดยฟอร์มาลีน เป็นน้ำยาดองศพ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าเป็นพิษภัย จึงไม่มีอะไรลดหย่อนลง แต่ทำได้ตามกรอบกฎหมาย โดยส่วนตัวรู้สึกดีใจ ที่นโยบายรัฐบาล สนับสนุนแนวทางตรงนี้ ซึ่งมั่นใจว่า เมื่อบูรณาการหลายหน่วยงาน ก็จะเป็นผลให้การปราบปรามสำเร็จมากขึ้น
ที่มาข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
ที่มารูปภาพ : Canva

Panpilai Pukahuta
(Panpilai Pukahuta)