
พออายุมากขึ้นร่างกายและภูมิคุ้มกันของเราก็เสื่อมลงตามวัยทำให้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าเดิมและหนึ่งในโรคที่น่ากลัวของคนวัยนี้ก็คือ"โรคงูสวัด"ซึ่งเกิดจากเชื้อที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างกายหลังจากที่เราเคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อนพอภูมิคุ้มกันเราอ่อนแอลงก็อาจไปกระตุ้นทำให้ติดเชื้อและเป็นโรคงูสวัดได้ ทำให้มีอาการปวดแสบปวดร้อน มีผื่นและตุ่มน้ำตามแนวเส้นประสาท ที่น่ากังวลก็คือความเชื่อที่ว่าถ้ามีผื่นงูสวัดพันรอบตัวอาจทำให้เสียชีวิตได้วันนี้ นพ.บารมีพงษ์ลิขิตมงคลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ครอบครัว ศูนย์อายุรกรรมรพ.วิมุตจะมาไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคงูสวัดและเล่าถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนเพื่อให้คนสูงวัยที่ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงได้ห่างไกลจากโรคนี้
"โรคงูสวัด" ภัยร้ายที่มาเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำ
โรคงูสวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ (Varicella zoster virus – VZV)เป็นเชื้อตัวเดียวกันกับโรคอีสุกอีใสเมื่อติดอีสุกอีใสร่างกายอาจไม่ได้กำจัดเชื้อหมดทำให้เชื้อบางส่วนอาจไปซ่อนอยู่ตามปมประสาทเมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลงก็อาจกระตุ้นให้เป็นโรคงูสวัดได้นอกจากนี้งูสวัดสามารถแพร่กระจายจากการสัมผัสหรือหายใจนำละอองจากตุ่มน้ำของผู้ป่วยเข้าไปซึ่งถ้าติดเชื้อแล้วไม่เคยเป็นอีสุกอีใส ก็จะเป็นอีสุกอีใสก่อน

สรุปข่าว
ส่องปัจจัยเสี่ยง “โรคงูสวัด”
คนที่มีเชื้อของโรคอีสุกอีใสอยู่ในตัวสามารถเป็นโรคงูสวัดได้เมื่อร่างกายอ่อนแอโดยปกติพบบ่อยในคนอายุ
50 - 60ปีขึ้นไปหรือในกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำเช่นผู้ป่วยมะเร็ง, HIV, โรคเรื้อรัง, โรคเบาหวาน, โรคไตเรื้อรังหรือคนไข้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องกินยากดภูมิและโรคแพ้ภูมิตัวเองจะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงเป็นงูสวัดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
"โรคงูสวัด" พันรอบตัวไม่ตาย แต่อาการรุนแรงกว่าปกติ
คนที่ป่วยเป็นโรคงูสวัดในช่วงแรกจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนคันบริเวณผิวหนังมีไข้มีผื่นเป็นตุ่มนูนแดงเรียงกันเป็นกลุ่มหรือเป็นแนวยาวตามเส้นประสาทจากนั้นจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสคล้ายกับตุ่มของอีสุกอีใสโดยตำแหน่งที่เจอบ่อยมักจะเจอตรงลำตัวและใบหน้าใช้เวลาประมาณ7-10วันตุ่มก็จะแตกและแห้งไปเองและจะหายดีประมาณ2-4สัปดาห์นพ.บารมีพงษ์ลิขิตมงคลอธิบายต่อ "หลังจากหายดีแล้วผู้ป่วยบางคนอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนซึ่งเจอบ่อยในผู้สูงอายุเช่น ปวดตามแนวเส้นประสาทตรงช่วงที่มีผื่นหรือตุ่มน้ำติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังหรือมีภาวะงูสวัดขึ้นตาที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติกับดวงตาและการมองเห็นหลายคนเคยได้ยินว่าถ้างูสวัดพันรอบตัวจะทำให้เสียชีวิต ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะคนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นและงูสวัดมักจะขึ้นแค่ด้านใดด้านหนึ่งของลำตัวแต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นพร้อมกันสองฝั่งได้ในคนที่มีภูมิต่ำมากทำให้มีอาการรุนแรงมากกว่าคนที่อายุเยอะทั่วไป”
"โรคงูสวัด"พบแพทย์รักษาได้ อย่าซื้อยามาใช้เอง เสี่ยงติดเชื้อ
การวินิจฉัยโรคงูสวัดสามารถทำได้จากการซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้น ซึ่งให้ความแม่นยำมากกว่า 50% ในกรณีที่ต้องการยืนยันผล แพทย์อาจส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เช่น การเจาะตุ่มน้ำหรือขูดเซลล์ เพื่อตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของเซลล์ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส นพ.บารมีพงษ์ลิขิตมงคลเล่าถึงการรักษาว่า "การรักษาจะพิจารณาตามระยะเวลาการเกิดโรค โดยถ้ายังอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงแรกหลังเริ่มมีอาการสามารถให้ยาต้านไวรัสเพื่อช่วยลดความรุนแรง ระยะเวลารักษา และการแพร่กระจายของเชื้อ หากพ้นช่วงนี้ไปแล้ว แพทย์จะพิจารณาจ่ายยาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดหรือยาแก้คัน อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำควรหลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเองหรือใช้ยาสมุนไพรทาแผล เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำซ้อนนอกจากนี้อยากให้ฉีดวัคซีนป้องกันไว้ เพราะช่วยป้องกันโรคนี้ได้ดี"
แพทย์ชี้ วัคซีนป้องกัน"โรคงูสวัด" ได้ถึง 90%
การป้องกันโรคงูสวัดทำได้ง่ายๆด้วยการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เริ่มจากกินอาหารที่มีประโยชน์พักผ่อนให้เพียงพอหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำและหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดคนที่เป็นงูสวัดที่สำคัญคือการฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด (Shingrix) 2เข็มซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) แนะนำให้ผู้ที่มีอายุ50ปีขึ้นไปคนที่มีภูมิต่ำและคนที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องมารับวัคซีนเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน“โดยวัคซีนShingrix จำนวน 2เข็มสามารถป้องกันการเกิดโรคและภาวะปวดปลายประสาทหลังเป็นงูสวัดได้มากกว่า90%ครอบคลุมอาการปวดร้อนปวดแสบปมประสาทลดความรุนแรงของโรคและโอกาสเกิดซ้ำได้โดยฉีดเข็มที่สองห่างจากเข็มแรก2 - 6เดือนและอาจมีอาการข้างเคียงทำให้ปวดบวมแดงตรงแขนที่ฉีดมีไข้อ่อนเพลียปวดเมื่อยตามตัวแต่จะเป็นไม่เกิน2วัน” นพ.บารมีพงษ์ลิขิตมงคลอธิบาย

Panpilai Pukahuta
(Panpilai Pukahuta)