ชวนคนไทยตั้งเป้าหมาย เลิกสร้าง Food Waste ในปี 2025 ชี้แค่กินให้พออิ่มคิดดีๆ ก่อนซื้อได้ทั้งสุขภาพ-ช่วยโลกยั่งยืน


สรุปข่าว
เคยเป็นกันไหม ซื้อของเข้าบ้านทุกอาทิตย์ สั่งอาหารอร่อย ๆ มาเผื่อไว้กินพรุ่งนี้ แต่สุดท้าย ของดี ๆ กลับต้องไปลงเอยในถังขยะ นี่คงเป็นปัญหาที่หลายคนรู้สึกผิดอยู่ในใจไม่น้อยเพราะนอกจากจะเป็นการผลาญเงินโดยไม่จำเป็นแล้วยังเป็นการสร้างขยะอาหาร (Food Waste) จำนวนมหาศาล ซึ่งปัจจุบันFood Waste ถือเป็นวิกฤตอาหารที่กำลังทวีความรุนแรงในสังคมไทย
นางสาวธารินี จันทร์คง นักกำหนดอาหารวิชาชีพ โรงพยาบาลวิมุต เผยว่าในห่วงโซ่อาหารทั้งหมด ผู้บริโภคคือผู้สร้างขยะอาหารมากที่สุด "ขยะอาหารเกิดจากทั้งในครัวเรือนและการกินอาหารนอกบ้าน ซึ่งพฤติกรรมที่พบบ่อยคือ การกินอาหารไม่หมดจาน การตักอาหารหรือสั่งอาหารมากเกินไปตอนหิว และการเตรียมอาหารเกินพอดีเวลามีแขกหรืองานเลี้ยง นอกจากนี้ การซื้อวัตถุดิบมากักตุนโดยไม่มีการวางแผนการใช้ที่ดี ก็ทำให้อาหารเน่าเสียและกลายเป็นขยะในที่สุด
รายงานล่าสุดจาก Food Waste Index 2024 ของโครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ (UNEP) เปิดเผยตัวเลขที่ น่าตกใจ โดยรายงานว่าคนไทยสร้างขยะอาหารเฉลี่ยถึง 86 กิโลกรัมต่อคนต่อปี หรือคิดเป็นประมาณวันละ 240 กรัม ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 ของอาเซียนและสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 79 กิโลกรัมต่อคนต่อปี โดยปัจจุบัน องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดเป้าหมายให้ทุกประเทศลดปริมาณขยะอาหารลง50% ภายในปี 2030
โภชนาการตามวัย กินอย่างไรให้พอดี-ไม่เกิดขยะอาหาร
การรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับวัยไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่ยังช่วยลดการทิ้งอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยโดยสารอาหารหลักที่จำเป็น คืออาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ส่วนสารอาหารรอง ได้แก่ วิตามินและเกลือแร่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ โดยนักกำหนดอาหารวิชาชีพ รพ. วิมุต อธิบายว่า “แต่ละช่วงวัยมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกันสำหรับเด็กวัยเรียน ควรได้รับอาหารในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดี โดยแนะนำข้าว-แป้ง 6-8 ทัพพี, ผัก 4 ทัพพี, ผลไม้ 3 ส่วน, เนื้อสัตว์ 6 ช้อนกินข้าว และนม 2-3 แก้วต่อวันส่วนวัยทำงานควรได้รับพลังงาน 1,600-2,400กิโลแคลอรีต่อวัน แบ่งเป็นข้าว-แป้ง 8-12 ทัพพี, ผัก 6 ทัพพี, ผลไม้ 4-6 ส่วน, เนื้อสัตว์ 6-12 ช้อนกินข้าว และนม 1 แก้ว โดยควบคุมน้ำตาลน้ำมัน ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชาและเกลือไม่เกินวันละ 1 ช้อนชาส่วนผู้สูงอายุ ควรเลือกอาหารที่ย่อยง่าย เน้นข้าวไม่ขัดสี เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน โดยเฉพาะปลาและไข่ รวมถึงผักใบเขียวที่มีแมกนีเซียมสูง ดื่มน้ำ 6-8 แก้วต่อวัน และควรได้รับพลังงาน 1,400-1,800กิโลแคลอรีตามระดับกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน
วางแผนการกิน เรื่องง่ายๆ ที่ได้สุขภาพ-ช่วยโลก
การเลือกกินอย่างเหมาะสมและพอดีจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดขยะอาหารได้ โดยเริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การวางแผนการเลือกซื้ออาหารและดูวันหมดอายุก่อนซื้อไม่ตุนอาหารมากเกินจำเป็น หากเราซื้อวัตถุดิบมากักตุนไว้นานและมากเกินไปจนกินไม่ทันสุดท้ายวัตถุดิบเหล่านั้นก็หมดอายุและต้องทิ้งจนกลายเป็นขยะอาหารและควรกินอาหารให้หมดจาน โดยเริ่มตั้งแต่ควบคุมปริมาณอาหาร อย่าตักมามากเกินไปหรือสั่งอาหารเกินที่จะกินไหวนอกจากนี้ การกินอย่างยั่งยืน(Sustainable Food)ก็ยังช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมได้อีกทาง เช่น เปลี่ยนมาทานอาหารที่เน้นพืชหรือPlant-basedประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เนื่องจากการผลิตเนื้อสัตว์และเนื้อสัตว์แปรรูปมีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมสูง ทั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรในการเลี้ยงสัตว์
"แม้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจดูเหมือนยาก แต่เราสามารถเริ่มจากสิ่งง่ายๆ เช่นกินให้หมดจาน ซื้ออาหารแต่พอดี และเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย"นางสาวธารินี จันทร์คง กล่าว และเสริมว่า “1 ใน 3 ของอาหารที่เรากินอยู่ทุกวันถูกทิ้งเสียไปโดยไม่จำเป็น หากทุกคนร่วมกันตระหนักในเรื่องนี้และหันมาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เราก็จะได้มีสุขภาพที่ดีและช่วยโลกลดขยะไปในตัวด้วย"
ผู้ที่สนใจปรึกษาเรื่องโภชนาการและการดูแลสุขภาพ สามารถปรึกษานักกำหนดอาหาร โรงพยาบาลวิมุตโทรนัดหมายได้ที่02-079-0000 หรือใช้บริการ Telemedicine ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่าน ViMUT App คลิก https://bit.ly/372qexX
ที่มาข้อมูล : -