
ในยุคที่โลกร้อนทวีความรุนแรงขึ้น ไม่เพียงแค่ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สร้างความเสียหายเท่านั้น แต่อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของมนุษย์ โดยเฉพาะระบบหัวใจและหลอดเลือด งานวิจัยล่าสุดจากออสเตรเลียเผยให้เห็นความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างโรคหัวใจกับสภาพอากาศร้อน โดยระบุว่า หากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังคงดำเนินต่อไป จำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจอาจเพิ่มขึ้นถึงสองถึงสามเท่าภายในปี 2050
ศาสตราจารย์เผิง ปี้ (Peng Bi) จากมหาวิทยาลัยแอดิเลดอธิบายว่า เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น หัวใจของเราจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อช่วยร่างกายระบายความร้อน ซึ่งกระบวนการนี้ก่อให้เกิดแรงกดดันมหาศาล โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว
นักวิจัยคำนวณว่า 7.3% ของภาระโรคหัวใจโดยรวมสามารถเชื่อมโยงกับอากาศที่ร้อนจัด และหากสถานการณ์ก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มขึ้น อัตราความเสี่ยงต่อโรคหัวใจอาจเพิ่มขึ้นสองถึงสามเท่าภายในปี 2050 ตามการคาดการณ์ของ Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC)

สรุปข่าว
แม้ว่างานวิจัยนี้จะมุ่งเน้นไปที่ออสเตรเลีย แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบนี้เกิดขึ้นทั่วโลก ดร.จิงเหวิน หลิว (Jingwen Liu) หัวหน้าทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอดิเลดกล่าวว่า "นี่เป็นงานศึกษาฉบับแรกของโลกที่วิเคราะห์ผลกระทบของอากาศร้อนต่อโรคหัวใจในระดับนี้ ความครอบคลุมของงานวิจัยนี้ทำให้ข้อมูลมีคุณค่าต่อการวางแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต"
แม้ว่าสถานการณ์จะดูน่ากังวล แต่นักวิจัยยืนยันว่ายังมีโอกาสลดผลกระทบของอุณหภูมิที่สูงขึ้นต่อสุขภาพหัวใจได้ ผ่านมาตรการป้องกันและปรับตัวที่เหมาะสม
ศาสตราจารย์ปี้เน้นย้ำว่า ต้องเร่งลงทุนในมาตรการปรับตัวเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน เช่น การออกแบบเมืองให้เย็นขึ้น การรณรงค์ด้านสาธารณสุขเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีป้องกันโรคหัวใจในช่วงอากาศร้อน และการพัฒนากลไกตอบสนองฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โลกร้อนไม่ได้ส่งผลเพียงแค่สิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของมนุษย์โดยตรง โดยเฉพาะโรคหัวใจที่อาจทวีความรุนแรงขึ้นในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า งานวิจัยนี้เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเราจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเชิงรุก ทั้งในระดับบุคคลและนโยบายสาธารณะ เพื่อปกป้องสุขภาพของคนรุ่นปัจจุบันและอนาคตจากผลกระทบของอากาศที่ร้อนขึ้น
ที่มาข้อมูล : aljazeera.com
ที่มารูปภาพ : Reuters