นักวิจัยเตือนว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการแข่งขันกับปลาแซลมอนสายพันธุ์อื่นกำลังคุกคามประชากรปลาแซลมอนเคตาในฮอกไกโด ซึ่งเป็นแหล่งจับปลาแซลมอนที่สำคัญของญี่ปุ่น ความเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประมงและวัฒนธรรมอาหารของประเทศ
จำนวนปลาแซลมอนที่จับได้ในฮอกไกโดลดลงอย่างต่อเนื่อง จากจุดสูงสุดที่ 56.47 ล้านตัวในปี 2003 เหลือเพียง 15.62 ล้านตัวในปี 2024 ซึ่งเป็นจำนวนต่ำสุดอันดับสองนับตั้งแต่ปี 1989 ปริมาณปลาที่ลดลงทำให้ราคาสินค้าที่แปรรูปจากแซลมอน เช่น ปลาแห้งและไข่ปลา ต้องปรับตัวสูงขึ้น
แซลมอนเคตาในฮอกไกโดถูกเพาะฟักและปล่อยลงสู่ทะเลในฤดูใบไม้ผลิ ก่อนจะอพยพไปเติบโตในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือเป็นเวลาประมาณ 4 ปี แล้วกลับมาวางไข่ในญี่ปุ่น แต่ภาวะโลกร้อนทำให้อุณหภูมิในมหาสมุทรเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แซลมอนพิงก์ ซึ่งเติบโตได้ดีในน่านน้ำที่เย็นกว่า ขยายจำนวนอย่างรวดเร็ว
สรุปข่าว
นักวิจัยพบว่าแซลมอนพิงก์และแซลมอนเคตาต้องแย่งชิงอาหารประเภทเดียวกัน นั่นคือแพลงก์ตอนสัตว์ที่อุดมด้วยสารอาหาร การแข่งขันนี้ทำให้แซลมอนเคตาขาดแคลนอาหาร ส่งผลให้เติบโตได้ไม่เต็มที่และมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง
ปัญหานี้ยังส่งผลกระทบต่อโครงการเพาะพันธุ์แซลมอน เนื่องจากปริมาณไข่ปลาที่ได้รับจากฮอกไกโดลดลงอย่างมาก ในปี 2023 สมาคมส่งเสริมการเพาะพันธุ์ปลาแซลมอนและปลาเทราต์น้ำจืดในจังหวัดอิวาเตะเคยได้รับไข่ปลา 40 ล้านฟองจากฮอกไกโด แต่ปีนี้กลับไม่ได้รับเลย
อุตสาหกรรมแซลมอนไม่ได้นิ่งเฉยต่อวิกฤตนี้ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2022 เป็นต้นมา มีการเพิ่มน้ำหนักของลูกปลาแซลมอนก่อนปล่อยลงทะเลเป็นสองเท่า เพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดของพวกมัน อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของมาตรการนี้อาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเห็นผลชัดเจน
ศาสตราจารย์มาซาฮิเดะ คาเอริยามะ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยาของแซลมอน ระบุว่ามาตรการเพาะพันธุ์อาจช่วยบรรเทาปัญหาได้บางส่วน แต่หากไม่แก้ไขสาเหตุหลักอย่างภาวะโลกร้อน ปัญหานี้จะไม่สามารถแก้ไขได้อย่างยั่งยืน
นักวิจัยเตือนว่าปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากรประมงที่ลดลง แต่หมายถึงความอยู่รอดของสายพันธุ์แซลมอนชัมในญี่ปุ่น หากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป อาจไม่มีปลาแซลมอนเหลืออยู่ในญี่ปุ่นภายในศตวรรษหน้า
Sane Srisukhot
(Sane Srisukhot)