
นักวิจัยเสนอให้ใช้แนวทาง “การกระจายความเสี่ยงแบบพอร์ตการลงทุน” กับโครงการปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ทั่วโลก เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเลือกปลูกต้นไม้ผิดประเภทในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสภาพอากาศและเศรษฐกิจ
หลายประเทศให้คำมั่นว่าจะปลูกต้นไม้จำนวนมากเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก เช่น สหราชอาณาจักรตั้งเป้าปลูกปีละ 187,500 ไร่จนถึงปี 2050 ขณะที่สหภาพยุโรปวางแผนปลูก 3 พันล้านต้นภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม การเลือกสายพันธุ์ต้นไม้และสถานที่ปลูกต้องตัดสินใจในปัจจุบัน แม้ว่าภาวะอากาศในอนาคตจะยังไม่แน่นอน

สรุปข่าว
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ระบุว่าการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่เคยเป็นที่ทำการเกษตร อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารในอนาคต หากไม่ได้วางแผนอย่างรอบคอบ การเลือกสายพันธุ์ต้นไม้ที่เหมาะสมกับแต่ละสภาพภูมิอากาศและเศรษฐกิจจึงเป็นปัจจัยสำคัญ
แนวทางที่เสนอคือการปลูกต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ในหลายพื้นที่ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เช่น หากอากาศรุนแรงขึ้น ต้นไม้ใบกว้างในภาคใต้ของอังกฤษจะดูดซับคาร์บอนดีที่สุด แต่หากอากาศเปลี่ยนแปลงน้อย ต้นสนในพื้นที่ที่มีผลผลิตต่ำจะเติบโตได้ดีกว่า การกระจายความเสี่ยงเช่นนี้ช่วยให้แผนการปลูกป่ายืดหยุ่นมากขึ้น
นักวิจัยย้ำว่าการปลูกป่ายังคงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการกำจัดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศ หากดำเนินการอย่างมีกลยุทธ์และพิจารณาทุกปัจจัยอย่างรอบคอบ แม้จะมีความเสี่ยง แต่หากวางแผนอย่างเหมาะสมก็จะสามารถช่วยบรรลุเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้
ดังนั้น การปลูกป่าไม่ควรเป็นเพียงการเพิ่มพื้นที่สีเขียว แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศและเศรษฐกิจโดยรวม การใช้แนวคิดการกระจายความเสี่ยงจะช่วยให้การลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมมีความยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุด
สุดท้าย นักวิจัยเน้นย้ำว่าความสำเร็จของโครงการปลูกต้นไม้ขึ้นอยู่กับการวางแผนที่ดี การเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสม และการจัดสรรพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนของโลกในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
ที่มาข้อมูล : theguardian.com
ที่มารูปภาพ : Reuters

Sane Srisukhot
(Sane Srisukhot)