"ขยะอาหาร" ตัวการเงียบ ทำโลกร้อนหนักกว่าที่คิด!

สถานการณ์ขยะอาหารของทั่วโลกในแต่ละปี พบว่าอาหารกว่า 1,300 ล้านตัน หรือ 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตได้ทั่วโลก ต้องกลายเป็นขยะอาหารที่ถูกทิ้งไปอย่างสูญเปล่า ซึ่งการลดขยะอาหารเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งทาง UN ได้ตั้งเป้า ให้ในปี ค.ศ. 2030 ขยะอาหารที่เกิดจากการจำหน่ายและการบริโภคทั่วโลกต้องลดลง 50% เพราะขยะอาหารเป็นแหล่งสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยประมาณว่าเมื่อขยะอาหารถูกทิ้งในหลุมฝังกลบหรือที่ที่ไม่มีการจัดการที่เหมาะสม ก๊าซมีเทน จะถูกปล่อยออกมา ซึ่งมีศักยภาพในการกักเก็บความร้อนสูงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 25 เท่า ซึ่งขยะอาหารทั่วโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นประมาณ 8% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในระดับโลกเลยทีเดียว


สรุปข่าว

“ในปัจจุบัน ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหา “ขยะอาหาร” ซึ่งนอกจากจะเป็นสาเหตุของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังเป็นการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างสูญเปล่าอีกด้วย”

จากรายงาน Food Waste Index 2024 พบว่าประเทศที่สร้างขยะอาหารมากที่สุดในโลก ได้แก่ประเทศคูเวต โดยประชาชน 1 คนสร้างขยะอาหารเฉลี่ยถึง 230.38 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ชี้ให้เห็นถึงการบริโภคที่เกินความจำเป็นและการขาดระบบจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ ตามมาด้วยมัลดีฟส์ 204.39 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ส่วนใหญ่เกิดจากการพึ่งพาการนำเข้าอาหารและการจัดการที่ไม่เหมาะสมอันดับ 3 คือตูนิเซีย 172.83 กิโลกรัมต่อคนต่อปี อันดับ 4 สาธารณรัฐโดมินิกัน และอียิปต์ตามลำดับ ส่วนประเทศไทยของเรานั้นถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 77 ซึ่งคนไทยสร้างขยะอาหารเฉลี่ยถึง 86 กิโลกรัมต่อคนต่อปี หรือคิดเป็นประมาณวันละ 240 กรัม ส่วนประเทศที่ได้รับการชื่นชมเพราะสร้างขยะอาหารได้น้อยที่สุดในโลกนั้น อันดับ 1 คือมองโกเลีย โดยชาวมองโกเลียสร้างขยะอาหารเฉลี่ย 18 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ตามมาด้วยภูฏาน เฉลี่ย 19 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาด้วยฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย


ซึ่งการลดขยะอาหารสามารถเริ่มต้นได้จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่นการวางแผนการซื้อ: ก่อนซื้ออาหารควรตรวจสอบปริมาณอาหารที่มีอยู่ วางแผนเมนูอาหาร และดูวันหมดอายุ เพื่อป้องกันการซื้ออาหารมากเกินความจำเป็น รวมถึงทานอาหารให้หมดจาน ควบคุมปริมาณอาหารที่ตักหรือสั่ง เพื่อลดปริมาณอาหารเหลือทิ้ง และท้ายที่สุดคือแยกขยะอาหารจากขยะอื่น แล้วนำไปทำเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้

ดังนั้น ถ้าพวกเราทุกคนร่วมมือกัน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทีละเล็กละน้อย ไม่บริโภคอาหารเกินความจำเป็น ก็จะมีส่วนช่วยทำให้ปัญหาขยะอาหารลดลงไปได้

ที่มาข้อมูล : TNN Earth

ที่มารูปภาพ : TNN Earth

avatar

null null
(tawee_pen)

แท็กบทความ