

สรุปข่าว
ผู้เชี่ยวชาญทีมกรุ๊ป เผย "พายุโซนร้อนลูกใหม่" ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะมาไม่ถึงประเทศไทย เช็กรายละเอียดที่นี่
นายชวลิต จันทรรัตน์ กรรมการ และผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ ทีมกรุ๊ป และนายกสมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม เตือนภัยพิบัติ (วิชาการ) โดยระบุว่า พายุโซนร้อนลูกใหม่ ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะมาไม่ถึงประเทศไทย จะไปทำให้ฝนตกหนัก ถึงหนักมากทางตอนเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ และเกาะไต้หวัน
ส่วนในไทยนั้น วันที่ 5 ถึง 10 มิ.ย. จะมีฝนตกปานกลาง กระจายตัวอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลอดแนวพื้นที่ชายแดน ของประเทศไทยติดกับประเทศพม่า พื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก และในพื้นที่ภาคอิสานตอนบนบริเวณพื้นที่ที่ติดกับแม่น้ำโขง และจะมีฝนตกหนักเป็นหย่อมๆ ในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต และตรัง
(1) หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ในมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะก่อตัวขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และเพิ่มกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่น เคลื่อนที่ทางทิศตะวันตก คาดว่า
-วันที่ 10 มิ.ย. จะทำให้มีฝนตกหนัก ทางตอนเหนือของประเทศฟิลิปปินส์ และเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือ และกลับตัวเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตก
-วันที่ 13 มิ.ย.จะเหนี่ยวนำ ทำให้หย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้เพิ่มกำลังแรงขึ้น คาดว่าจะไปทำให้เกิดฝนตกหนักในประเทศไต้หวัน
-วันที่ 14 มิ.ย. จะไปสลายตัวในทะเล ทางตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้น
(2) หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ในอ่าวเบงกอล คาดว่าจะเพิ่มกำลังแรงขึ้น และเคลื่อนที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อย อย่างช้าๆ จะทำให้ลมมรสุมที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น
ตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 10 มิ.ย. จะทำให้มีฝนตกปานกลาง กระจายตัวอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย และจะมีฝนตกหนักเป็นหย่อมๆ ในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต และตรัง และ มีฝนตกปานกลาง ตลอดแนวพื้นที่ชายแดน ของประเทศไทยติดกับประเทศพม่า (และมีฝนตกหนัก ถึงหนักมาก ในพื้นที่ตอนกลางของประเทศพม่า)
ส่วน
(3) หย่อมความกดอากาศต่ำในตอนล่างของประเทศเวียดนาม จะมีผลทำให้
- วันที่ 5 ถึง 10 มิ.ย. จะมีฝนตกปานกลาง ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ภาคกลาง และภาคอิสาณตอนบนบริเวณพื้นที่ที่ติดกับแม่น้ำโขง (และมีฝนตกหนัก ในประเทศกัมพูชา และตอนล่างของประเทศเวียดนาม)

ภาพจาก กรมอุตุฯ/Chawalit Chantararat
ที่มาข้อมูล : -