

สรุปข่าว
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศได้ออกเผยแพร่ว่า อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลประสบความล้มเหลวในการจัดการกับการปล่อยก๊าซมีเทน เพราะพบว่าในปี 2565 ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกปล่อยก๊าซมีเทนสู่ชั้นบรรยากาศมากถึง 135 ล้านตัน ซึ่งก๊าซมีเทนเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่มีศักยภาพที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นไม่แพ้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งก่อนหน้านี้กว่า 150 ประเทศให้คำมั่นว่าจะลดการปล่อยก๊าซมีเทนทั่วโลกลงอย่างน้อย 30% จากระดับปี 2563 ภายในสิ้นทศวรรษนี้ ซึ่งหากดูจากสัดส่วนการปล่อยก๊าซมีเทนในแต่ละปีนั้น พบว่าตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ทั่วโลกปล่อยก๊าซมีเทนสู่ชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี จนมาในปี 2562 ทั่วโลกปล่อยก๊าซมีเทนสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากนั้นในปี 2563 และ 2564 ก็ปรับลดลงมาเล็กน้อย แต่ปีที่แล้ว ในปี 2565 ก็เริ่มกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ปล่อยไปทั้งหมด 135 ล้านตัน และสูงเป็นอันดับ 2 รองจากในปี 2562 เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งกิจกรรมต่างๆของมนุษย์มีส่วนในการปล่อยก๊าซนี้มากทีเดียว โดยเฉลี่ยสัดส่วนการปล่อยก๊าซมีเทนทั่วโลกคิดเป็น 42% จากภาคการเกษตร 36% จากภาคอุตสาหกรรม 18% จากขยะ และ 3% จากแหล่งอื่นๆ ดังนั้นทุกคนและทุกภาคส่วนมีส่วนช่วยกันได้ในการลดการปล่อยก๊าซมีเทน ผู้อำนวยการด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศกล่าวว่าไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับเรื่องนี้ ก็ได้แต่หวังว่านานาประเทศทั่วโลกจะร่วมมือกันในการลดการปล่อยก๊าซมีเทนในปีนี้ลงให้ได้ ตามที่ได้สัญญากันไว้
ที่มาข้อมูล : -