
เมื่อวานนี้ (7 มีนาคม) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ขู่ใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่และขึ้นภาษีรัสเซีย หากยังคงมีการโจมตียูเครน หลังจากสหรัฐฯระงับความช่วยหลือยูเครนไปก่อนหน้านี้ โดยระบุว่าเพื่อเป็นการสนับสนุนทางการทูต
ทรัมป์เขียนข้อความบนแพลตฟอร์ม ทรูธ โซเชียล ของเขาว่า "จากข้อเท็จจริงที่ว่า รัสเซียกำลัง 'โจมตี' ยูเครนอย่างหนักในสนามรบขณะนี้ เขาจึงกำลังพิจารณาอย่างจริงจังที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงิน, มาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ และภาษีศุลกากรต่อรัสเซียอย่างขนานใหญ่ จนกว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและข้อตกลงสันติภาพขั้นสุดท้ายได้" ทรัมป์ยังเขียนด้วยว่า ถึงรัสเซียและยูเครน ให้รีบเข้าสู่โต๊ะเจรจาเสียแต่ตอนนี้ ก่อนที่มันจะสายเกินไป
คำขู่ของทรัมป์ มีขึ้นหลังจากรัสเซียส่งโดรนและยิงขีปนาวุธโจมตีครั้งใหญ่ต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนเมื่อวานนี้

สรุปข่าว
หลายวันก่อนหน้า รัฐบาลของทรัมป์ระงับการส่งความช่วยเหลือด้านการทหารและหยุดแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครน หลังเกิดข้อพิพาทกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ซึ่งเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทรัมป์และรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ ตำหนิเซเลนสกี ระหว่างการประชุมที่มีการเผยแพร่ทางโทรทัศน์ที่ทำเนียบขาว โดยกล่าวหาว่าเขาไม่ได้รู้สึกขอบคุณต่อความช่วยเหลือด้านอาวุธมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากสหรัฐฯ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทรัมป์ต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากประเทศพันธมิตรและฝ่ายตรงข้ามภายในประเทศที่กล่าวว่าเขาเข้าข้างรัสเซีย ซึ่งส่งทหารบุกยูเครนในปี 2565
สหรัฐฯลงมติสนับสนุนรัสเซียและคัดค้านพันธมิตรยุโรปต่อมติของสหประชาชาติ ที่เรียกร้องให้ยุติสงครามโดยไม่เน้นย้ำถึงบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน
เมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นก้าวแรกในการฟื้นความสัมพันธ์ในระดับปกติ และยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่บังคับใช้ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในกรณีที่รัสเซียส่งทหารทำสงครามในยูเครน
ทรัมป์ยังกล่าวกับนักข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ด้วยว่า เขาพบว่า การจัดการกับยูเครนนั้นยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยูเครนไม่มีไพ่ในมือ แต่การจัดการกับรัสเซียอาจจะง่ายกว่า ในขณะที่รัฐบาลของเขากำลังพยายามบรรลุข้อตกลงสันติภาพ