เมื่อวานนี้ (6 มีนาคม) ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์ข้อความว่าแจ้งข่าวว่าเขาได้พูดคุยกับประธานาธิบดีเคลาวเดีย เชนบอม ของเม็กซิโก และ ตัวแทนคณะเจรจาจากฝั่งแคนาดา เพื่อทำข้อตกลงว่าเม็กซิโกและแคนาดาจะไม่ต้องชำระภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา หรือ USMCA โดยจะมีผลไปจนถึงวันที่ 2 เมษายนนี้ นับเป็นครั้งที่สองในรอบสองวันที่ทรัมป์ยกเลิกภาษีการนําเข้าจากคู่ค้ารายใหญ่สองรายของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมาตรการที่เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับธุรกิจและทําให้ตลาดการเงินปั่นป่วน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมามาตรการภาษีสินค้า 25 เปอร์เซ็นต์จากเม็กซิโกและแคนาดาของทรัมป์เพิ่งมีผลบังคับใช้ซึ่งเกิดขึ้น 1 วันหลังจากทรัมป์ชะลอการใช้มาตรการภาษีเป็นเวลา 1 เดือน สำหรับสินค้าประเภทรถยนต์ที่ผลิตในอเมริกาเหนือและหลายเจ้าที่เริ่มย้ายห่วงโซ่อุปทานกลับมาสหรัฐฯ ร่วมกับความน่าประทับใจจากเม็กซิโกและแคนาดาที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการควบคุมไม่ให้ยาเสพติด "เฟนทานิล" เข้าสู่สหรัฐฯ ที่สะท้อนความสัมพันธ์อันดีระหว่างสหรัฐฯ และทั้ง 2 ประเทศ
สรุปข่าว
ขณะที่ผู้นำเม็กซิโกกล่าวขอบคุณทรัมป์สําหรับการเคลื่อนไหวในครั้งนี้
ส่วนทางฝั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของแคนาดากล่าวว่าแคนาดาจะยอมจะระงับภาษีตอบโต้รอบที่สองที่เป็นภัยคุกคามต่อผลิตภัณฑ์และสินค้าจากสหรัฐฯ ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดากล่าวว่าหลังจากคำประกาศล่าสุดจากฝั่งสหรัฐฯ เขาได้ร่วมการสนทนาที่ "มีสีสัน" ทางโทรศัพท์กับทรัมป์เกี่ยวกับประเด็นภาษีดังกล่าวด้วย