

สรุปข่าว
บรรดาชาวซีเรียที่เคยลี้ภัยอยู่ในเลบานอน และจอร์แดน ต่างก็ทยอยเดินทางกลับบ้านในซีเรียแล้ว หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ถูกโค่นอำนาจลง โดยมีรายงานว่าบริเวณจุดผ่านแดนเลบานอน-ซีเรีย คับคั่งไปด้วยรถยนต์จำนวนมาก และบรรดาผู้คนต่างก็โห่ร้องแสดงความดีใจเรื่องที่กลุ่มกบฏสามารถโค่นล้มอำนาจของนายอัสซาด ลงได้
ส่วนบริเวณจุดข้ามแดนจอร์แดน-ซีเรีย ก็มีชาวซีเรียแห่เดินทางกลับประเทศตัวเองเช่นกัน โดยหนึ่งในนั้นเป็นผู้ที่ลี้ภัยมาอยู่ในจอร์แดนนานถึง 12 ปี แล้ว ซึ่งเขาระบุว่า หลังจากที่ได้ยินข่าวว่าอดีตประธานาธิบดีอัสซาด ถูกโค่นอำนาจ เขาก็รู้สึกดีใจมาก และเชื่อว่าเขาจะสามารถเดินทางกลับสู่ประเทศบ้านเกิดได้อย่างปลอดภัยและมั่นคง
ชาวซีเรียจำนวนมากลี้ภัยออกจากซีเรียระหว่างที่ซีเรียเผชิญกับสงครามกลางเมือง ซึ่งเป็นการสู้รบระหว่างกองกำลังรัฐบาลซีเรียและกลุ่มกบฏ หรือ ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่เกิดขึ้นมานานถึง 13 ปี โดยส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีรายงานว่าชาวซีเรียราว 1.5 ล้านคน เลือกที่จะลี้ภัยไปยังเลบานอน
ขณะเดียวกันก็มีการเผยแพร่ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่แสดงให้เห็นเมืองอเลปโป ที่ถูกกลุ่มกบฏนำกำลังเข้ายึดครองมาจากรัฐบาลซีเรีย โดยแสดงให้เห็นผู้คนรวมตัวกันโค่นล้มรูปปั้นของ บาสเซล อัล-อัสซาด พี่ชายของอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่เพิ่งถูกโค่นล้มอำนาจ
โดยกลุ่มกบฏได้นำกำลังเข้ายึดเครองกรุงดามัสกัส โดยไร้การต่อต้านเมื่อวานนี้ หลังจากที่นำกำลังรุกคืบยึดเมืองต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว จนทำให้ อดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรียต้องยอมลาออกและหลบหนีไปลี้ภัยอยู่ในรัสเซียพร้อมกับครอบครัว ยุติสงครามกลางเมืองซีเรียที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน 13 ปี และยุติการปกครองซีเรียในระบอบเผด็จการของครอบครัวอัสซาด ที่ปกครองซีเรียมายาวนานถึง 6 ทศวรรษ
นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ซีเรีย รวมถึงในภูมิภาคตะวันออกกลาง เนื่องจาก การล่มสลายของรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีอัสซาด จะทำให้อิหร่านและรัสเซีย สูญเสียหนึ่งในที่มั่นสำคัญในภูมิภาค
ที่มาข้อมูล : -