
มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,000 คน จากการปะทะกันอย่างหนัก ระหว่างกองกำลังที่สนับสนุนรัฐบาลชุดใหม่ HTS และประชาชนที่ยังคงจงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์การปะทะกันที่นองเลือดที่สุดนับตั้งแต่เริ่มสงครามกลางเมืองเมื่อกว่า 14 ปีก่อน
เหตุความรุนแรงนี้ เริ่มมาตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม ที่ผ่านมาโดยรัฐบาลชุดปัจจุบันของซีเรีย ระบุว่า ได้ทำการตอบโต้เหตุโจมตีจากกลุ่มผู้สนับสนุนอัสซาด และชี้ว่านี่คือปฏิบัติการแบบรายบุคคล โดยข้อมูลจาก Syrian Observatory for Human Rights - SOHR ของอังกฤษ ระบุว่า มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 745 คน - นักรบที่สนับสนุนอัสซาด 148 คน และกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลอีก 125 นาย - แต่ยังไม่มีรายงานตัวเลขอย่างเป็นทางการ
SOHR เผยว่า เหตุความรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่แล้ว เมื่อกองกำลังสนับสนุนอัสซาด ได้ซุ่มโจมตีกองกำลังความมั่นคงของซีเรีย ในภูมิภาคลาตาเกีย (Latakia region) ซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นสำคัญของอดีตประธานาธิบดีอัสซาด ที่มีกลุ่มชาติพันธุ์อลาไวต์ (Alawites) ซึ่งเป็นมุสลิมชีอะห์ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

สรุปข่าว
จากนั้นในวันศุกร์ กลุ่มติดอาวุธมุสลิมซุนนีที่ภักดีกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้เริ่มแก้แค้น และสังหารกองกำลังของชนเผ่าอลาไวต์ - รวมถึงการโจมตีต่อพลเรือนที่เป็นสมาชิกของกองกำลังอลาไวต์ด้วย - ก่อนที่เหตุรุนแรงจะปะทุหนักอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ เมื่อกองกำลังความมั่นคงถูกโจมตีจากกลุ่มหนุนอัสซาด ที่โรงไฟฟ้าในเมืองบาเนียส
และเพื่อตอบโต้กลุ่มกบฏ รัฐบาลซีเรียจึงสั่งระดมนักรบ HTS หลายพันนายจากทั่วประเทศ ซึ่งแม้ว่านักรบเหล่านี้จะอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของรัฐบาลซีเรียชุดใหม่ แต่ยังมีบางคนที่เป็นกองกำลังกึ่งทหารอยู่ และบางคนเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและไร้ซึ่งระเบียบวินัย
อาเหม็ด ชารา ประธานาธิบดีรักษาการของซีเรียได้ออกมาเรียกร้องสันติภาพเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า เราต้องรักษาไว้ซึ่งเอกภาพแห่งชาติ และสันติภาพในประเทศ เราจึงจะอยู่ร่มกันได้ และเราจะอยู่รอดไปได้ พร้อมชี้ว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรียเวลานี้ เป็นความท้าทายหนึ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว - ซึ่งชารา ชี้ว่า เหตุกองกำลังรัฐบาลสังหารพลเรือนนั้น เป็นพฤติกรรมปัจเจก
การสู้กันอย่างหนัก ทำให้ผู้คนหลายร้อยต้องหลบหนีออกจากบ้นเรือนในจังหวัดลาตาเกีย และทาร์ทุส ขณะที่ประชาชนในเมืองเปิดเผยว่า มีเหตุปล้นสะดมภ์ และการสังหารหมู่เกิดขึ้น รวมถึงเด็กเล็ก และยังมีรายงานว่าสมาชิกของบางครอบครัวถูกสังหารลงทั้งหมดเลยด้วย
ด้านองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น แถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ที่สมาชิกทั้งครอบครัวถูกสังหารจากการสู้รบครั้งนี้ พร้อมเรียกร้องให้มีการสอบสวนเรื่องการสังหาร และให้มีผู้ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยเฉพาะการสังหารพลเรือนกว่า 700 คน
ด้านสหรัฐฯ และรัสเซีย เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคง หรือ UNSC ให้ประชุมในวันจันทร์เพื่อหารือในเรื่องดังกล่าว

Natnicha Nijpol
(Natnicha)