

สรุปข่าว
เมื่อวานนี้ (18 เมษายน) ดูไบเริ่มฟื้นตัวจากน้ำท่วมหนักอย่างช้า ๆ แล้ว หลังจากฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ในวันอังคารที่ผ่านมา และประชาชนในชุมชนแห่งหนึ่งของเมืองยังคงพยายามที่จะรักษาบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม, ผู้คนเดินลุยน้ำ และใช้เรือเป่าลมและแพดเดิ้ลบอร์ด หรือเรือยืนพาย ในการเดินทาง
นอกจากนี้ น้ำท่วมยังส่งผลให้มีผู้คนจำนวนมากประสบปัญหาการจราจาติดขัดติดค้างอยู่บนถนน, สำนักงานและบ้านเรือน หลายคนรายงานว่าน้ำทะลักเข้าบ้าน ขณะที่มีภาพที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นห้างสรรพสินค้าเต็มไปด้วยน้ำที่ไหลลงมาจากหลังคา
ด้านสำนักงานป้องกันภัยฉุกเฉิน กำลังทำงานหนักเพื่อเคลียร์ถนนที่มีน้ำท่วมขัง โดยใช้รถดับเพลิงสูบน้ำออกทั่วเมือง ซึ่งเกือบจะหยุดนิ่ง ขณะที่บางคนประเมินความเสียหายต่อบ้านเรือนและธุรกิจของตน หลังจากพายุฝนถล่มอย่างหนักท่วมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ซึ่งไม่ค่อยพบบ่อย
สนามบินนานาชาติดูไบ ศูนย์กลางการเดินทางที่สำคัญ พยายามอย่างหนักเพื่อเคลียร์เที่ยวบินตกค้าง และถนนหลายสายยังคงมีน้ำท่วมขัง ล่าสุดเครื่องบินเริ่มทำการบินได้อีกครั้ง หลังฝนตกหนักในวันอังคารที่ผ่านมา (16 เมษายน) ซึ่งถือว่าหนักที่สุดในรอบ 75 ปี ภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งนี้ ส่งผลให้ทั่วประเทศหยุดชะงักและสร้างความเสียหายครั้งใหญ่
ทั้งนี้ ฝนตกหนักเกิดขึ้นไม่บ่อยนักในยูเออี และที่อื่น ๆ ในคาบสมุทรอาระเบีย ซึ่งโดยทั่วไปขึ้นชื่อในเรื่องสภาพอากาศแบบทะเลทรายที่แห้งแล้ง อุณหภูมิอากาศในฤดูร้อนอาจสูงถึง 50 องศาเซลเซียส
ชี้ค โมฮัมเหม็ด บิน ซายิด อัล นาห์ยัน ประธานาธิบดีของยูเออี ระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า เขาได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ประเมินความเสียหาย และให้การสนับสนุนครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากพายุกำลังแรงครั้งนี้แล้ว
พายุที่ถล่มยูเออีและโอมานในสัปดาห์นี้ ทำให้ฝนตกในปริมาณมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ น้ำท่วมถนนหลวงหลายสาย, ท่วมบ้านเรือน, การจราจรติดขัด และประชาชนติดอยู่ในบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม
มีการหยิบยกคำถามเกี่ยวกับว่า “การเพาะเมฆ” (cloud seeding) อาจเป็นสาเหตุให้เกิดฝนตกหนักหรือไม่ โดยการเพาะเมฆ ถือเป็นกระบวนการ ซึ่งฉีดสารเคมีเข้าไปในก้อนเมฆเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำฝนในสภาพแวดล้อมที่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำ ยูเออี ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคที่ร้อนที่สุดและแห้งแล้งที่สุดในโลก กำลังเป็นผู้นำในความพยายามเพาะเมฆและเพิ่มปริมาณฝน แต่หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาของยูเออี บอกกับรอยเตอร์ว่า ไม่มีการปฏิบัติการดังกล่าวก่อนเกิดพายุ
ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า ฝนตกหนักครั้งนี้น่าจะเกิดจากระบบสภาพอากาศปกติที่เลวร้ายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเอสรา อัลนักบี นักพยากรณ์อาวุโสประจำศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของรัฐบาลยูเออี กล่าวว่า ระบบความกดอากาศต่ำในชั้นบรรยากาศชั้นบน ควบคู่ไปกับความกดอากาศต่ำที่พื้นผิวโลก ทำหน้าที่เหมือนแรง 'บีบ' ในอากาศ การบีบตัวดังกล่าวรุนแรงขึ้นจากความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นที่ระดับพื้นดินกับอุณหภูมิที่เย็นกว่าที่สูงขึ้นไป ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรง
เธอกล่าวว่า “ปรากฏการณ์ผิดปกติ” ไม่ใช่เรื่องที่ไม่คาดคิดในเดือนเมษายน เนื่องจากเมื่อฤดูกาลเปลี่ยนแปลง ความกดอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมเสริมว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดพายุด้วย
นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศ กล่าวว่า อุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ทำให้เกิดเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงมากขึ้นทั่วโลก ซึ่งรวมทั้งฝนตกหนักขึ้น
—————
ภาพ: Reuters
ที่มาข้อมูล : -