จับสัญญาณตลาดการลงทุน วิเคราะห์แนวโน้มและโอกาส
SET Index ใกล้ระดับแนวรับสำคัญ
สรุปข่าว
ปัจจัยลบกดดันตลาดหุ้น
ปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ประกอบไปด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะเรื่องการค้าระหว่างประเทศ การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะมีผลต่อทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลาง นอกจากนี้ ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพากลุ่มพลังงานและ Old Economy มากกว่ากลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งแตกต่างจากตลาดหุ้นในเอเชียเหนือที่มีสัดส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสูงกว่า
หุ้นกลุ่ม ESG และโอกาสจากกองทุนใหม่
ปัจจัยบวกที่อาจช่วยพยุงตลาดคือการเปิดตัวกองทุน ESG ซึ่งอาจช่วยลดแรงขายจากกองทุน LTF เดิม และกระตุ้นการลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของเม็ดเงินใหม่ยังต้องจับตาดูว่าจะสามารถหนุนตลาดได้มากเพียงใด
สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาส คุณฐกฤตแนะนำให้พิจารณาหุ้นในกลุ่ม Deep Value ที่ราคาปรับตัวลงมาแล้ว และมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง กลุ่มที่น่าสนใจ ได้แก่
- ค้าปลีก: CPALL, HomePro
- โรงพยาบาล: BCH, BDMS
- ธนาคาร: BBL, KBank
- ท่องเที่ยวและสนามบิน: MINT, AOT
- บรรจุภัณฑ์: SCGP
- โรงไฟฟ้า: GPSC
ในขณะที่กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายด้านภาษีและสงครามการค้า ราคาน้ำมันอาจถูกกดดันจากมาตรการควบคุมราคาพลังงานของหลายประเทศ นักลงทุนควรติดตามปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด
อสังหาริมทรัพย์: โอกาสและความเสี่ยง
แม้ภาพรวมอสังหาฯ จะยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน แต่มีความคาดหวังว่ารัฐบาลอาจออกมาตรการกระตุ้น เช่น การผ่อนคลาย LTV หากเกิดขึ้นจริง หุ้นที่อาจได้รับประโยชน์ ได้แก่ AP, ศุภาลัย และแสนสิริ โดยเฉพาะแสนสิริที่ถูกมองเป็นหุ้น Top Pick จากแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง
แนวโน้มการกลับตัวของตลาด
ตลาดหุ้นไทยยังต้องรอปัจจัยหนุนเพิ่มเติม เช่น การฟื้นตัวของเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ และสัญญาณทางเทคนิคที่ชัดเจน โดยระดับ 1,200-1,220 จุด จะเป็นด่านสำคัญ หากสามารถทะลุขึ้นไปได้ อาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการกลับตัวของตลาดในไตรมาสแรกของปีนี้
ที่มาข้อมูล : คุณฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ AISA ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย หลักทรัพย์ กรุงศรี
ที่มารูปภาพ : รายการ WEALTH LIVE วันที่ 12 มีนาคม 2568