"ทรัมป์" ไถ "นาโต" ซื้ออาวุธแลกคุ้มครอง พร้อมขู่ชัตดาวน์อุตสาหกรรมน้ำมัน และการเงิน "อิหร่าน"

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) ว่า สหรัฐฯ จะไม่ปกป้องพันธมิตรของสหรัฐฯ ในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต (NATO) หากประเทศเหล่านั้นไม่จ่ายเงินให้เพียงพอสำหรับการป้องกันตัวเอง ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) ว่า “ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้ว … ถ้าพวกเขาไม่จ่าย ผมก็จะไม่ปกป้องพวกเขา ไม่ ผมจะไม่ช่วยพวกเขาแน่นอน”

"ทรัมป์" ไถ "นาโต" ซื้ออาวุธแลกคุ้มครอง พร้อมขู่ชัตดาวน์อุตสาหกรรมน้ำมัน และการเงิน "อิหร่าน"

สรุปข่าว

"ทรัมป์" เรียกร้องให้ "นาโต" เพิ่มงบประมาณทางการทหาร เพื่อแลกกับความสนับสนุนความมั่นคงของประเทศสมาชิก พร้อมรุกใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านเพื่อให้เกิด “ผลกระทบสูงสุดทันที”

นอกจากนี้ ทรัมป์กล่าวว่า เขามีความคิดแบบนี้มานานหลายปีและเคยบอกกับพันธมิตรนาโตตั้งแต่ช่วงที่เป็นประธานาธิบดีในปี 2560-2564 ซึ่งทำให้ประเทศสมาชิกอื่น ๆ ของนาโตยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้น แต่เขาก็ยังบอกว่า “แม้แต่ตอนนี้ ก็ยังไม่พอ”

ทั้งนี้ นาโตก่อตั้งขึ้นในปี 2492 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากโซเวียตที่อาจโจมตีดินแดนของประเทศพันธมิตร และหัวใจของพันธมิตรนาโตคือข้อตกลงช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำพูดของทรัมป์อาจทำให้ผู้นำในยุโรปและเอเชียเกิดความวิตก จากเดิมที่กังวลอยู่แล้วว่าสหรัฐฯ อาจถอนการสนับสนุนด้านความมั่นคง โดยเฉพาะหลังจากที่ทรัมป์มีปัญหากับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน และแสดงท่าทีอยากคุยกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย มากขึ้น

ทรัมป์กล่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ว่า สมาชิกนาโตเป็นเพื่อนของเขา แต่เขาสงสัยว่าฝรั่งเศสหรือ “อีกสองสามประเทศ” จะยอมปกป้องสหรัฐฯ ในยามวิกฤตหรือไม่

ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯกำลังรุกใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านเพื่อให้เกิด “ผลกระทบสูงสุดทันที” เบสเซนต์กล่าวในงานของสมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) พร้อมระบุว่า เป้าหมายของปธน.ทรัมป์ คือการลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจาก 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันให้เหลือเพียงเล็กน้อย

“เราจะเดินหน้าปิดอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน รวมถึงขีดความสามารถในการผลิตโดรน” เบสเซนต์กล่าว และเสริมว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งใจจะตัดการเข้าถึงระบบการเงินระหว่างประเทศของอิหร่านด้วย

หลังจากถ้อยแถลงของเบสเซนต์ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ขยับขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 66.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับขึ้น 16 เซนต์ ปิดที่ 69.46 ดอลลาร์/บาร์เรล

“การทำให้อิหร่านประสบปัญหาทางการเงินอีกครั้งจะเป็นจุดเริ่มต้นของนโยบายคว่ำบาตรฉบับปรับปรุงของเรา” เบสเซนต์กล่าวย้ำ และเตือนว่า “ถ้าผมเป็นชาวอิหร่าน ผมจะรีบถอนเงินทั้งหมดออกจากสกุลเงินเรียลในตอนนี้”

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้กลับมาใช้มาตรการกดดันอิหร่านอีกครั้งผ่านบันทึกคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 4 ก.พ. และเพียงสองวันถัดมา กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เริ่มดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อเครือข่ายขนส่งน้ำมันของอิหร่านที่ส่งออกไปยังจีน

ที่มาข้อมูล : ข่าวต่างประเทศ

ที่มารูปภาพ : TNN

avatar

มงคล เกษตรเวทิน