ขึ้นทะเบียน GI "ฝรั่งสามพราน" นครปฐม สร้างรายได้ ชุมชน 340 ล้านบาทต่อปี

กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ประกาศขึ้นทะเบียน "ฝรั่งสามพราน" เป็นสินค้า GI ลำดับ 3 ของจังหวัดนครปฐม ต่อจาก ส้มโอนครชัยศรี และมะพร้าวน้ำหอม 


นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า  การขึ้นทะเบียนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการสร้างรายได้ให้กับชุมชน กว่า 340 ล้านบาทต่อปี

โดยสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) คือ เครื่องหมายที่ใช้กับสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งคุณภาพหรือชื่อเสียงของสินค้านั้นๆ เป็นผลมาจากการผลิตในพื้นที่ดังกล่าว เปรียบเสมือนเป็นแบรนด์ของท้องถิ่นที่บ่งบอกถึงคุณภาพและแหล่งที่มาของสินค้า 

ปัจจุบันประเทศไทยมีสินค้าที่ขึ้นทะเบียน GI ทั่วประเทศแล้ว 224 สินค้า สร้างมูลค่ากว่า 77,000 ล้านบาทต่อปี


สำหรับ “ฝรั่งสามพราน” ปลูกเฉพาะในพื้นที่อำเภอสามพราน และอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม บนพื้นที่ลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีที่ไหลพัดพาตะกอนดินและธาตุอาหารต่างๆ มาทับถมกัน ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ประกอบบริเวณนั้นเป็นน้ำกร่อย และน้ำเค็ม 

จึงทำให้ฝรั่งสามพราน มีลักษณะเนื้อกรอบล่อน ไม่ติดเมล็ด รสชาติหวานหรือหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่ฝาด และโดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวผลผลิตจะมีคุณภาพดี ด้วยคุณภาพที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค นอกจากนี้เกษตรกรในพื้นที่ได้มีการพัฒนาต่อยอดให้สวนฝรั่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน 


ขึ้นทะเบียน GI "ฝรั่งสามพราน" นครปฐม สร้างรายได้ ชุมชน 340 ล้านบาทต่อปี

สรุปข่าว

พาณิชย์ขึ้นทะเบียน GI "ฝรั่งสามพราน" ของดีจังหวัดนครปฐม สร้างรายได้ชุมชนกว่า 340 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ส่งออกสินค้าเกษตรปี 67 ทุบสถิตินิวไฮ และเกิน 5 หมื่นล้านเหรีบญเป็นครั้งแรก เพื่อการเติบโตต่อเนื่อง จึงเร่งส่งเสริมสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง เช่น การขึ้นทะเบียน GI

ขณะที่ภาพรวมของการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย ในปี 2567 ทำนิวไฮทุบสถิติส่งออกสูงสุด 1.84 ล้านล้านบาท 


นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อํานวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปี 2567 ไทยส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ได้สูงถึง 52,185 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.84 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น  6% เมื่อเทียบกับปี 2566 คิดเป็นสัดส่วน 17.36% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทยที่ 300,529.5 ล้านเหรียญฯ หรือ 10.55 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าเกษตร กสิกรรม ปศุสัตว์ ประมง  28,827.3 ล้านเหรียญฯ หรือ 1.01 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% จากปี 2566  ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร 23,357.7 ล้านเหรียญฯ หรือ 821,212 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากปี 66


ผอ. สนค. กล่าวว่า  ปี 2567 เป็นปีแรกที่ไทยมีมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเกิน 50,000 ล้านเหรียญฯ แสดงให้เห็นถึงบทบาทของภาคเกษตรและอาหาร ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่การส่งออกส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ หรือมีการแปรรูปขั้นต้น 

ดังนั้นทุกฝ่ายจึงต้องเร่งส่งเสริมและผลักดันให้ไทยส่งออกสินค้าเกษตรมูลค่าสูง และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้น เช่น อาหารแปรรูปมูลค่าสูง สินค้าเกษตรอัตลักษณ์ สินค้าเกษตรสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ไทยจึงควรนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรที่หลากหลายขึ้น และตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น เพราะสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ยังคงเป็นสินค้าไม่กี่กลุ่ม เช่น ผลไม้ ข้าว ยางพารา ไก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และอาหารสัตว์เลี้ยง 


ที่มาข้อมูล : กระทรวงพาณิชย์

ที่มารูปภาพ : Freepik

Thailand Web Stat