นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าข้อมูลจาก Innova Market Insights หนึ่งในผู้นำด้านการวิจัยตลาดอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก พบแนวโน้มตลาดสินค้าเครื่องดื่มที่น่าสนใจ เช่น
1) ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความสดใหม่ คุณค่าทางโภชนาการ และประโยชน์ต่อสุขภาพของผลิตภัณฑ์อย่างมาก (Ingredients and Beyond) ผู้บริโภคต้องการทราบแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่บริโภคมีคุณค่าทางโภชนาการและปลอดภัยต่อสุขภาพ
2) ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพและโภชนาการเฉพาะบุคคล (Health-Precision Wellness) อาทิ การควบคุมและลดน้ำหนัก หรือการได้รับสารอาหารตามโภชนาการเฉพาะตัวในแต่ละช่วงอายุวัย เป็นต้น
3) ความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Wildly Inventive) ผู้บริโภค ร้อยละ 43 มักมองหารสชาติใหม่ ๆ อยู่เสมอ และร้อยละ 37 ติดตามเทรนด์เครื่องดื่มผ่านโซเชียลมีเดีย การเลือกใช้รสชาติของผลไม้ตามฤดูกาล การผสมผสานระหว่างเครื่องดื่มและของหวานเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง จากข้อมูลวิจัยพบว่าสินค้าดังกล่าวเติบโตเฉลี่ยปีละร้อยละ 16 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพราะสินค้ามีเอกลักษณ์และสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับผู้บริโภค
สรุปข่าว
4) เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมช่วยฟื้นฟูลำไส้ (Gut Health-Flourish from Within) เช่น ไฟเบอร์ โปรไบโอติกส์ และวิตามิน
5) ตลาดผลิตภัณฑ์จากพืช (Plant-Based-Rethinking Plants) กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตลาด Plant-Based มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึงร้อยละ 23
6) การปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน (Sustainability-Climate adaptation) ส่งผลต่ออุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ผู้บริโภค ร้อยละ 50 ตระหนักถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้แบรนด์ต้องปรับตัว
7) เครื่องดื่มเพื่อความงาม (Beauty Food-Taste the Glow) 1 ใน 5 ของผู้บริโภคทั่วโลกเลือกซื้อเครื่องดื่มที่ช่วยเรื่องรูปลักษณ์ความงาม
8) วัฒนธรรมทางอาหารและเครื่องดื่ม (Food Culture-Tradition Reinvented)
9) เครื่องดื่มสำหรับสุขภาพจิต (Mood Food-Mindful Choices) ตลาดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคร้อยละ 36 มองหาเครื่องดื่มที่ช่วยควบคุมอารมณ์และการนอนหลับ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามิน B6 B9 และ B12
10) การเข้ามามีบทบาทของ AI (AI-Bytes to Bites) การนำ AI มาใช้ในทุกขั้นตอนกระบวนการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ตรงจุด และมีประสิทธิภาพ
นายพูนพงษ์กล่าวอีกว่า เทรนด์ธุรกิจเครื่องดื่มปีนี้เป็นที่น่าจับตามอง อุตสาหกรรมเครื่องดื่มยังคงเติบโตต่อเนื่อง ผู้บริโภคมองหาทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพและบริโภคได้ทุกโอกาส ที่สำคัญผู้บริโภคยุคใหม่เปรียบเทียบคุณภาพ ที่มาที่ไปของวัตถุดิบ ความซื่อสัตย์และความโปร่งใสของบริษัทแลกกับราคาที่จ่าย ผู้บริโภคยอมจ่ายสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าปริมาณและราคาเมื่อเทียบกับสมัยก่อน ซึ่งการแข่งขันในตลาดนี้มีความเข้มข้น ทั้งจากประเทศที่ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า หรือประเทศที่สร้างแบรนด์มาอย่างยาวนาน
ดังนั้น ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับคุณภาพวัตถุดิบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างความแตกต่าง การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การตรวจสอบย้อนกลับสินค้า การให้ข้อมูลคุณประโยชน์ของสินค้าที่มีต่อสุขภาพ และการสร้างเรื่องราว (Story Telling) เพื่อดึงความสนใจและสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ ซึ่งไทยมีศักยภาพสูงในตลาดเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มน้ำผลไม้
ในปี 2566 ไทยส่งออกสินค้าเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นอันดับที่ 5 ของโลก และเครื่องดื่มน้ำผลไม้ เป็นอันดับ ที่ 9 ของโลก
สถิติการส่งออกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (พิกัด 2202) ในปี 2566 ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 5 ของโลก มีสัดส่วนร้อยละ 5.3 ของมูลค่าการส่งออกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของทั้งโลก
ประเทศผู้ส่งออกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 10 อันดับแรกของโลก ได้แก่ ออสเตรีย เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ไทย สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก เบลเยียม ฝรั่งเศส และโปแลนด์ ตามลำดับ
สำหรับสถิติการส่งออกเครื่องดื่มน้ำผลไม้ (พิกัด 2009) ในปี 2566 โลกส่งออกเครื่องดื่มน้ำผลไม้เป็นมูลค่า 17,850.13 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับที่ 9 ของโลก มีสัดส่วนร้อยละ 4.1 ของมูลค่าการส่งออกเครื่องดื่มน้ำผลไม้ของทั้งโลก
ประเทศผู้ส่งออกเครื่องดื่มน้ำผลไม้ 10 อันดับแรกของโลก ได้แก่ บราซิล เนเธอร์แลนด์ สเปน จีน โปแลนด์ เยอรมนี เบลเยียม สหรัฐอเมริกา ไทย และอิตาลี ตามลำดับ
สินค้าที่ไทยส่งออกมาก ได้แก่ น้ำมะพร้าว น้ำผลไม้หรือน้ำพืชผักต่าง ๆ ผสมกัน และน้ำสับปะรด
ที่มาข้อมูล : สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์
ที่มารูปภาพ : -

กองบรรณาธิการ TNN