
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวในงานประชุมของ IMF ที่โตเกียวว่า การค้า ไม่ได้เป็นแรงผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจระดับโลกในระดับเดียวกับในอดีตอีกต่อไป และการเปลี่ยนแปลงนโยบายจากรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่กำลังกระตุ้นให้ประเทศอื่นๆ ตอบสนอง
ประเทศต่างๆ จำนวนมากกำลังเผชิญกับแนวโน้มการเติบโตที่อ่อนแอลงและต้องแบกรับภาระหนี้จำนวนมาก ในขณะที่ห่วงโซ่อุปทานอยู่ภายใต้แรงกดดัน เนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และการพัฒนาทางภูมิรัฐศาสตร์

สรุปข่าว
ทั้งนี้ เรารู้ดีว่าการค้าไม่ใช่เครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตของโลกอีกต่อไปแล้ว …รัฐบาลใหม่ของสหรัฐกำลังปรับเปลี่ยนนโยบายด้านการค้า ภาษี การใช้จ่ายภาครัฐ การยกเลิกกฎระเบียบ และสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างรวดเร็ว และรัฐบาลอื่นๆ เองก็กำลังปรับแนวทางและปรับนโยบายของตนเช่นกัน"
คำพูดของกรรมการผู้จัดการ IMF มีขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเตรียมรับมือกับผลกระทบจากนโยบายขึ้นภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และมาตรการตอบโต้จากประเทศที่เป็นเป้าหมาย เช่น จีน ในสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีได้เพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนและขึ้นภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งส่งผลทางอ้อมต่อประเทศอื่นๆ ในเอเชีย
อย่างไรก็ตาม อยากเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในเอเชียปรับตัวเข้ากับบรรทัดฐานที่เปลี่ยนแปลงโดยยอมรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเติบโตที่นำโดยบริการ ส่งเสริมการใช้ดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) และส่งเสริมการบูรณาการระดับภูมิภาคมากขึ้น
นอกจากนี้ หากมองเผินๆ อาจดูเหมือนว่าโลกกำลังถอยห่างจากการบูรณาการ แต่ในระดับภูมิภาค ประเทศต่างๆ กำลังเอนเอียงเข้าหา …ปัจจุบันการค้าของเอเชียมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นการค้าในระดับภูมิภาค แนวโน้มดังกล่าวก็เหมือนกันสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ