
ดร.พิมพ์นารา หิรัญกสิ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา (จำกัด) มหาชน เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนที่ร้อยละ 3.3 แต่เป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต ส่วนเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น แม้จะโตต่ำกว่าศักยภาพ โดยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.7 ในปี 2568 ดีขึ้นเล็กน้อยจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ร้อยละ 2.5
โดยมีปัจจัยบวกจาก 1.ภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง แม้ยังไม่กลับสู่ระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 38 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 35 ล้าน 5 แสนคนในปี 2567
2. การใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้นและกลับมาเป็นปกติหลังจากมีการเบิกจ่ายล่าช้าในปีงบประมาณ 2567 ประกอบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ที่เพิ่มขึ้นจากปีงบฯ ก่อนร้อยละ 4.2 และเป็นงบขาดดุลที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 4.5 ของ GDP
3.การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มพลิกกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 2.6 หลังจากที่หดตัว ร้อยละ 1.6 ในปี 2567 แรงหนุนจากยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ในปี 2567 ที่มีมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.1 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี

สรุปข่าว
ซึ่งส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในระยะข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจไทยปี 2568 ในภาพรวมจะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายสำคัญ ได้แก่ ความตึงเครียดทางการค้าและความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐฯ รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
การหลั่งไหลของสินค้านำเข้าจากจีน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง และปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ภาวะสังคมสูงอายุ หนี้ครัวเรือนสูง และความสามารถในการแข่งขันลดลง
ส่วนเรื่องดอกเบี้ย วิจัยกรุงศรีคาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ 2.00 ในช่วงที่เหลือของปีนี้เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยปี 2568 มีแนวโน้มอยู่ใกล้ขอบล่างของกรอบเงินเฟ้อเป้าหมาย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ใกล้เคียงกับปีก่อน
ประกอบกับทางการยังคงดำเนินมาตรการบรรเทาค่าครองชีพทางด้านราคาพลังงานในประเทศอย่างต่อเนื่อง