
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ระบุในงานแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ว่า ทั้ง 2 ประเทศจะทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันการค้าทวิภาคีระหว่างกันให้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว โดยมีมูลค่าแตะ 5 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573
สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ประเมินว่า การค้าสินค้าทั้งหมดของสหรัฐฯ กับอินเดียน่าจะอยู่ที่ 1.29 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2567 ขณะที่อินเดียเกินดุลการค้าสหรัฐฯ ราว 4.57 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
ผู้นำอินเดียกล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการหารือร่วมกันในระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐฯ และผู้นำสหรัฐฯ รับทราบถึงการดำเนินการของอินเดียในการปรับลดภาษีศุลกากรบางรายการลง รวมทั้ง 2 ประเทศจะเจรจาเกี่ยวกับความแตกต่างทางการค้า

สรุปข่าว
นอกจากนี้ อินเดียและสหรัฐฯ จะทำงานร่วมกันในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเซมิคอนดักเตอร์ ขณะเดียวกันก็มุ่งเน้นเรื่องการเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทานแร่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์
ท่าทีของอินเดียและสหรัฐฯ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในบันทึกเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ต่อทุกประเทศที่เก็บภาษีจากสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงอินเดีย
ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราเดียวกับที่อินเดียเก็บจากสหรัฐฯ ขณะที่การขาดดุลการค้าจะแก้ไขได้ด้วยการที่สหรัฐฯ ขายน้ำมันและก๊าซให้อินเดียเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ อินเดียกำหนดภาษีศุลกากรเฉลี่ยที่ร้อยละ 17 สำหรับประเทศที่มีสถานะประเทศที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (most-favored-nation) ในขณะที่สหรัฐฯ จัดเก็บภาษีดังกล่าวที่ร้อยละ 3.3 และสหรัฐฯ ให้สถานะดังกล่าวกับเขตเศรษฐกิจหลักส่วนใหญ่