
นางสาวพฤกษา เอี่ยมธงทอง Deputy Head of Equities – Asia Pacific, Asian Equities, abrdn Asia Limited เปิดเผยว่า อเบอร์ดีนยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) จากปัจจัยหนุนเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัว รัฐบาลจีนปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งล่าสุดและคาดว่ามีแนวโน้มจะผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม เพื่อชดเชยกับแรงกดดันในประเทศ จากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์และเงินเฟ้อยังอยู่ระดับต่ำ
ส่วนนโยบายการค้าของสหรัฐยังเป็นปัจจัยกดดันในภูมิภาคนี้ หลังประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า จากเม็กซิโกและแคนาดาร้อยละ 25 และขึ้นภาษีสินค้าจากจีนร้อยละ 10 แต่การปรับขึ้นภาษีจากจีนยังคงต่ำกว่าที่เขาประกาศไว้กอนหน้านี้ ซึ่งมองว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การเจรจาของทรัมป์มากกว่า ซึ่งบริษัทในจีนเองก็ยังรอความชัดเจนเพื่อจะได้ปรับซัพพลายเชน ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปทรัมป์ 1.0 สงครามการค้าส่งผลกระทบภาษีกับการส่งออกจีนไม่ได้แย่อย่างที่คิด การส่งออกจีนยังโตและมีมาร์เก็ตแชร์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทในจีนก็ได้ย้ายไปตั้งโรงงานในประเทศอื่น โดยเฉพาะในแถบอาเซียน ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ทำให้สินค้าจีนยังสงออกไปสหรัฐได้
ส่วนผลกระทบจากทรัมป์ 2.0 ยังต้องจับตาดูในไตรมาสแรกปีนี้ ขณะที่ ตลาดหุ้นจีนเริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้น และมองว่ารัฐบาลจีนจะให้ความสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนอย่างเร่งด่วนมากขึ้น ซึงยังต้องติดตามในเดือนมี.ค.ปีนี้ที่จะมีการประชุม 2 สภา คือ การประชุมคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติของจีน และการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติของจีน
สำหรับมุมมองตลาดหุ้นเอเชียคาดว่าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนที่เติบโตชะลอตัวลงฉุดตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียUnderperform ดัชนีS&P500ของสหรัฐฯในขณะที่ตลาดหุ้นอินเดียและไต้หวันโดดเด่นในตลาดเอเชียมากขึ้นจากธีมInformation Technology เป็นธีมค่อนข้างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมาและคาดแนวโน้มยังแข็งแกร่งต่อในปีนี้และอินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่ตลาดบริโภคใหญ่สามารถรองรับซัพพลายเชนได้ส่วนตลาดหุ้นจีนมีความสำคัญต่อดัชนีหุ้นในเอเชียน้อยลงเศรษฐกิจยังอยู่ในการฟื้นตัวแต่คาดว่าแรงขายในตลาดหุ้นจีนอาจไม่มากเหมือนช่วงที่ผ่านมาDownside เริ่มลดลงปัจจุบันตลาดเอเชียมีความสมดุลมากขึ้นและพึ่งพาจีนน้อยลง

สรุปข่าว
ส่วนตลาดอาเซียนมองว่าได้ประโยชน์ในระยะกลางจากทรัมป์ 2.0 จากการกระจายความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทาน(Supply Chain Diversification) ที่เพิ่มขึ้นแต่ในระยะสั้นยังต้องรอความชัดเจนเรื่องภาษีซึ่งคาดว่าไทยอินโดนีเซียและเวียดนามน่าจะได้ประโยชน์ โดยนางสาวพฤกษากล่าวว่าสำหรับแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) ในเอเชีย "อเบอร์ดีน" คาดการณ์EPS เติบโตได้ค่อนข้างดีประมาณ 10-12% ในปีนี้โดยจีนเติบโต 11-14% ยังไม่รวมผลกระทบจากภาษีส่วนอินเดียคาดเติบโต 16% เป็นต้นขณะที่Valuation ตลาดหุ้นเอเชียDiscount กับตลาดหุ้นโลกเมื่อเทียบกับMSCI World มากกว่า 30% ซึ่งใกล้เคียงระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีจึงมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันน่าสนใจ
ด้านธีมลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียมองเห็นโอกาสการลงทุนจาก 3 ธีม ได้แก่ 1.Innovation หรือ นวัตกรรม Tech และ AI แม้ว่าการเปิดตัวของ DeepSeek จะสร้างแรงกดดันต่อตลาดในระยะสั้น แต่คาดว่าค่าใช้จ่ายในการพัฒนาอาจลดลงจะเร่งให้เกิดการนำเอา AI มาใช้ในวงกว้างมากขึ้น แต่ความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี อีกทั้งความเสี่ยงที่อาจเพิ่มขึ้นจากการปรับลดเงินลงทุน ได้แนะนำให้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนลงเล็กน้อยในกลุ่มฮาร์ดแวร์และเซมิคอนดักเตอร์
2.Globalisation 3.0 สานต่อจาก Globalisation 2.0 ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากความตื่นตระหนกของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งในรอบนี้ต้องติดตามดูว่าจะเปลี่ยนไปด้านไหน ขึ้นอยู่กับนโยบายภาษีของทรัมป์ แต่คาดว่าการกระจายความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานจะเกิดขึ้นเร็วและครอบคลุมขึ้นในหลายอุตสาหกรรม
3.New Consumption รูปแบบการบริโภคใหม่บ่งชี้ว่าผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายน้อยลง ซึ่งเริ่มเห็นการเติบโตจากจีนและอินเดียอย่าง Meituan อยู่ในแถวหน้าของเทรนด์นี้ พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยในเมืองต่างๆ ของอินเดียทางด้านจำนวนนักท่องเที่ยวก็เติบโตชัดเจนในจีนทำให้ TRIP.COM เติบโตได้ในระดับสูง แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังอ่อนแอ
ขณะที่อินเดียอย่าง Indian Hotels ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทด้านการบริการที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียก็เติบโตต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้ม Fund Flow ที่คาดหวังจะไหลเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียยังคงต้องรอดูความชัดเจนนโยบายภาษีทรัมป์ว่าจะส่งผลกระทบต่อเอเชียมากน้อยแค่ไหน ซึ่งนักลงทุนเริ่มมองหาทางเลือกลงทุนหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นจนราคาค่อนข้างแพง ซึ่งตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียก็เป็นหนึ่งในทางเลือก เมื่อนโยบายภาษีมีความชัดเจนขึ้นและมีผลต่อภาพรวมตลาด โดยคาดว่าจะเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย แนะนำ กองทุนเปิดอเบอร์ดีนเอเชียแปซิฟิคเอคควิตี้ฟันด์ (ABAPAC) ที่ลงทุนในภูมิภาคที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ที่มาข้อมูล : abrdn Asia Limited
ที่มารูปภาพ : abrdn Asia Limited