เช็ก 6 นโยบาย “โดนัล ทรัมป์” ส่งผลกระทบ - จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยอย่างไร?

เช็ก 6 นโยบาย “โดนัล ทรัมป์” ส่งผลกระทบ - จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยอย่างไร?

สรุปข่าว

จากผลการเลือกตั้งล่าสุดของสหรัฐฯ ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)  วิเคราะห์ว่านโยบายที่เขาจะนำมาใช้อาจสร้างผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกในหลายด้าน โดยเฉพาะการค้า การลงทุน นโยบายสิ่งแวดล้อม และการเมืองโลก นับเป็นสัญญาณเตือนที่ประเทศไทย และผู้ประกอบการไทยควรเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใหม่ๆ


นโยบาย "โดนัลด์ ทรัมป์" ผลกระทบที่มีต่อประเทศไทย และเศรษฐกิจโลก


1. **ด้านการค้า**: ความเป็นไปได้ของสงครามการค้ารอบใหม่อาจส่งผลให้สินค้าไทยต้องแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ที่ท้าทายขึ้น เนื่องจากกลุ่มสินค้าผู้บริโภค (Consumer Goods) ของจีนที่ถูกเก็บภาษีใหม่จะทำให้เกิดการทะลักเข้ามาในตลาดไทยมากขึ้น ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้ เช่น สมาร์ทโฟน เสื้อผ้า รองเท้า และเฟอร์นิเจอร์ ไทยไม่ได้เป็นฐานการผลิตหลักและยังมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่น้อยกว่าเวียดนามและเม็กซิโก อาจทำให้ไทยเสียเปรียบในการแข่งขัน


2. **ด้านการลงทุน**: แนวโน้มการโยกย้ายการลงทุนไปยังประเทศที่มีสถานะเป็นกลาง (Conflict-free Countries) ยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะประเทศที่มีความเป็นกลางในเชิงภูมิรัฐศาสตร์อย่างเวียดนามและอินเดีย ภายใต้นโยบายทรัมป์ จีนอาจเผชิญความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่เข้มงวดขึ้น ทำให้การย้ายฐานผลิตสินค้าเพื่อเลี่ยงสงครามการค้าไปยังประเทศเหล่านี้จะยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น


3. **นโยบายสีเขียว**: นโยบายลดคาร์บอนโลกอาจสะดุดลงหากสหรัฐฯ ชะลอการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เช่น Clean Competition Act สำหรับไทย การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นมุมบวกในระยะสั้น โดยภาคธุรกิจจะได้รับการผ่อนผันในการปรับตัวลดคาร์บอน แต่ในระยะยาวจะส่งผลเสียต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวของไทยและความสามารถในการแข่งขันในห่วงโซ่อุปทานโลก


4. **ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง**: นโยบายสนับสนุนอิสราเอลของสหรัฐฯ อาจทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานและต้นทุนการขนส่งสินค้า ไทยอาจต้องเผชิญกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและเพิ่มความผันผวนในตลาดพลังงาน


5. **เศรษฐกิจสหรัฐฯ และการลดภาษีนิติบุคคล**: ทรัมป์มีแนวโน้มลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% เหลือ 15% ซึ่งจะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ปรับตัวขึ้นในระยะสั้น แต่มีความเสี่ยงจากปัญหาเงินเฟ้อและหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มขึ้นสูงถึง 122% ของ GDP ภายใน 10 ปี


6. **ความผันผวนของค่าเงินบาท**: ทิศทางค่าเงินบาทในระยะสั้นอาจอ่อนค่าเนื่องจากเงินทุนที่ไหลกลับเข้าสหรัฐฯ เพื่อเก็งกำไรในตลาดหุ้น แต่ในระยะยาวปัจจัยทางเศรษฐกิจของไทยและนโยบายการเงินของ Fed อาจทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่า


แนวทางการรับมือนโยบาย "โดนัลด์ ทรัมป์" ของไทย ควรทำอย่างไร?


- **กลยุทธ์การตลาดในประเทศเป็นกลาง**: ไทยควรเน้นการรุกตลาดและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในซัพพลายเชนของประเทศที่เป็นกลาง เช่น เวียดนามและอินเดีย เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและลดผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าโลก


- **จัดการความเสี่ยงทางการเงิน**: ผู้ประกอบการไทยควรพิจารณาการใช้ Foreign Exchange Forward Contract เพื่อป้องกันความผันผวนของค่าเงิน และใช้ประกันการส่งออก (Export Credit Insurance) เพื่อลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจกับประเทศที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น


- **ส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว**: แม้สหรัฐฯ อาจถอนตัวจากกลไกลดโลกร้อน ไทยควรรักษานโยบายลดคาร์บอน และผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างโอกาสและรักษาสถานะในห่วงโซ่อุปทานโลกยุคใหม่


การเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของทรัมป์ นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งผลกระทบหลายด้าน ทั้งการค้า การลงทุน การเงิน และสิ่งแวดล้อม ไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรักษาสมดุลระหว่างมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน โดยมีแนวทางการรับมือที่พร้อมปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง 



ภาพจาก: AFP 

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

แท็กบทความ

เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024
เลือกตั้งสหรัฐ
แฮร์ริสทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐ
election day