สรุปข่าว
ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ช่วงหลังเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก แต่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเงินริงกิตมาเลเซีย และเงินรูเปียห์อินโดนีเซีย แต่เงินบาทในปัจจุบันเทียบกับต้นปียังทรงตัว พร้อมย้ำว่า ธปท. ดูแลเงินบาทอยู่ตลอด
สำหรับปัจจัยที่ขับเคลื่อนเงินบาทให้แข็งค่าช่วงนี้มาจากดอลลาร์ที่อ่อนค่า หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ยังเจอปัญหาราคาทองปรับขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเฉพาะของไทยที่เงินบาทกับราคาทองคำจะไปด้วยกัน
ทั้งนี้ โดยเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าสูงสุดในรอบ 13 เดือน โดยเปิดตลาดที่ 33.90 ดอลลาร์สหรัฐ หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่าช่วงเวลาแห่งการลดดอกเบี้ยได้มาถึงแล้วในการประชุมแจ็กสันโฮล (Jackson Hole) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่าน
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.93 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นราวร้อยละ 0.8 นับตั้งแต่ต้นปี (YTD)
นอกจากนี้ ผู้ว่าการธปท. มองว่าเศรษฐกิจไทยนี้จะยังเติบโตร้อยละ 2.6 และร้อยละ 3 ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ ส่วนเงินเฟ้อคาดว่าจะเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
อย่างไรก็ดี แม้เงินเฟ้อของไทยยังคงอยู่ในระดับร้อยละ 0.8 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อร้อยละ 1-3 แต่ยังไม่เห็นสัญญาณเงินฝืด เพราะปัจจุบันมีสินค้าเพียงบางรายการเท่านั้นที่มีราคาลดลง และผู้บริโภคไม่ได้หยุดใช้จ่ายเพื่อรอให้ราคาสินค้าลดลงไปอีก โดยข้อมูลระบุว่าคนไทยยังมีการใช้จ่ายอยู่ในระดับที่ดี
ที่มา TNN
ที่มาข้อมูล : -