
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า ตัวเลขขาดดุลงบประมาณในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 ระหว่างเดือนตุลาคมปีที่แล้วถึงกุมภาพันธ์ปีนี้ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.147 ล้านล้านดอลลาร์ รวมถึงตัวเลขขาดดุลงบประมาณ 3.07 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเดือนแรกที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งครบเดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อน
ตัวเลขขาดดุลงบประมาณในช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งรวมถึงเวลาเกือบ 4 เดือน จนถึงวันที่ 20 มกราคม ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทำลายสถิติเดิมที่ 1.047 ล้านล้านดอลลาร์ ระหว่างเดือนตุลาคม ปี 2563 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลใช้จ่ายมหาศาลกับวิกฤตโควิดและมีรายรับจำกัด
ตัวเลขขาดดุลงบประมาณในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว เนื่องจากรายจ่ายดอกเบี้ยหนี้ที่กู้ยืมมา รวมถึงประกันสังคม และสวัสดิการด้านสาธารณสุข สูงกว่ารายรับของรัฐบาล

สรุปข่าว
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนผลกระทบที่ไม่มากนักจากภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากคู่ค้ารายใหญ่ และความพยายามของรัฐบาลในการลดรายจ่ายจนถึงขณะนี้
โดยตัวเลขรายได้ของรัฐบาลในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 2.96 แสนล้านดอลลาร์ นับเป็นสถิติสูงสุดในเดือนดังกล่าว เพิ่มขึ้น 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่รายจ่ายในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 6.03 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในเดือนดังกล่าวเช่นกัน เพิ่มขึ้น 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
การขาดดุลงบประมาณในเดือนกุมภาพันธ์เมื่อปรับข้อมูลแล้วอยู่ที่ 3.11 แสนล้านดอลลาร์ เท่ากับตัวเลขการขาดดุลในปี 2564 ซึ่งเผชิญวิกฤตโควิด
คณะกรรมการนโยบายงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (Committee for a Responsible Federal Budget-CRFB) ซึ่งมีหน้าที่เฝ้าระวังด้านการคลัง ระบุว่า ขณะนี้การกู้ยืมของรัฐบาลในปีงบประมาณปัจจุบันอยู่ที่ 8 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน