สรุปข่าว
วันนี้ (2 มิ.ย.65) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,647.67 จุด ปรับลง -12.34 จุด หรือคิดเป็น -0.74% ด้วยมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 57,876 ล้านบาท อยู่ในกรอบ 1,645.89-1,658.05 จุด
โดย หุ้นไทยปิดร่วงเนื่องจากการที่นักลงทุนขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดหุ้นไทยวันหยุดยาว 3 วัน อีกทั้งตลาดเริ่มกลับมากังวลเรื่องการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และการเริ่มต้นทำคิวอี รวมถึงการรอติดตามข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ เปิดเผยว่า นักลงทุนต้องระมัดระวังแนวโน้มการลงทุนในช่วง 1 – 2 เดือนข้างหน้า จากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของสหรัฐฯ ทั้งการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและการเริ่มดึงสภาพคล่อง ขณะที่อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจากพันธบัตรที่กลับมาเป็นบวก น่าจะทำให้เกิดความผันผวนของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายและราคาสินทรัพย์เสี่ยงอยู่พอสมควร ระยะนี้จึงแนะนำลงทุนหุ้นเปิดเมืองและหุ้นที่มีมูลค่าให้ผลตอบแทนสูง หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตดีมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง มองว่าตลาดหุ้นพักตัวหลังปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก โดยตลาดกลับมากังวลการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังทิศทางอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวได้ และยังมีแรงขายลดความเสี่ยงก่อนเข้าสู่วันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย ขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมาก่อนการประชุมโอเปคพลัส จากความกังวลเกี่ยวกับแผนการเพิ่มกำลังการผลิตของสมาชิกในกลุ่ม หลังจากตัดรัสเซียออกจากส่วนหนึ่งของแผน หลังสหภาพยุโรป (EU) แบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งทำให้เป็นแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าคาดว่ายังคงแกว่งตัวไซด์เวย์ ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามในคืนวันพรุ่งนี้ (3 มิ.ย. 65) คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ และสัปดาห์หน้าต้องติดตามการกระชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่าจะมีมุมมองหรือจะส่งสัญญาณต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างไร หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อไทยปรับขึ้นมาในระดับสูง ให้แนวต้านที่ 1,655-1,660 จุด แนวรับ 1,635-1,640 จุด
ข้อมูลจาก : บล. ทิสโก้
ภาพจาก : AFP ,TNN Online
ที่มาข้อมูล : -