เมื่อไม้ดอก-ไม้ประดับ เติบโตเป็นเสาหลักเศรษฐกิจใหม่

ธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับไทย บูมแรง! กล้วยไม้ครองแชมป์ส่งออกโลก สร้างรายได้ทะลุแสนล้าน

ธุรกิจไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้ยืนต้นในไทย กำลังเติบโตต่อเนื่อง กลายเป็นหนึ่งในโอกาสใหม่ที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรไทย พร้อมดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะกล้วยไม้ไทยที่ยังคงครองแชมป์ส่งออกอันดับ 1 ของโลก


 เมื่อไม้ดอก-ไม้ประดับ เติบโตเป็นเสาหลักเศรษฐกิจใหม่

สรุปข่าว

ธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับไทยเติบโตต่อเนื่อง มูลค่ารวมทะลุแสนล้านบาท กล้วยไม้ไทยครองแชมป์ส่งออกอันดับ 1 ของโลก ดึงนักลงทุนต่างชาติ พร้อมเปิดโอกาสให้เกษตรกรใช้ต้นไม้เป็นทรัพย์สินและสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิต

ธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับไทย โตไม่หยุด  

ข้อมูลจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีธุรกิจจดทะเบียนในกลุ่มไม้ดอกไม้ประดับแล้ว 2,993 ราย รวมทุนจดทะเบียนกว่า 17,670 ล้านบาท โดยธุรกิจกลุ่มขายสร้างรายได้สูงถึง 87,376 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,473 ล้านบาท ในปี 2566 ขณะที่กลุ่มผลิตยังขาดทุนสะสม แต่มีแนวโน้มเติบโตเมื่อมีการสนับสนุนจากรัฐและเทคโนโลยีใหม่ ๆ

กล้วยไม้ไทย แชมป์โลก ส่งออกแตะ 5,400 ล้านบาท

ในปี 2566 การส่งออกไม้ดอกไม้ประดับของไทยทำรายได้รวมกว่า 4,548 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2567 จะเพิ่มเป็น 4,777 ล้านบาท โดย “กล้วยไม้ไทย” ครองสัดส่วนมากกว่าครึ่ง ด้วยมูลค่าส่งออกกว่า 2,755 ล้านบาท ส่งออกหลักไปยัง จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย และยังเป็นสินค้าที่มีศักยภาพเติบโตในตลาดโลกต่อเนื่อง


ต่างชาติลงทุนในไทย เพิ่มมูลค่ากว่า 4,400 ล้านบาท


นอกจากศักยภาพในการผลิตและส่งออกแล้ว ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่ธุรกิจนี้ โดยในปี 2566 มีมูลค่าการลงทุนของต่างชาติรวมทั้งสิ้น 4,461 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • กลุ่มผลิต: 1,319 ล้านบาท
  • กลุ่มขาย: 3,142 ล้านบาท

ประเทศที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด ได้แก่

  • จีน – 1,742 ล้านบาท
  • สิงคโปร์ – 449 ล้านบาท
  • เนเธอร์แลนด์ – 327 ล้านบาท

การเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติไม่เพียงช่วยเติมเงินทุนให้กับภาคธุรกิจในประเทศ แต่ยังเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี การจัดการ และการเข้าถึงตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพ

เกษตรกรไทยได้ประโยชน์ ปลูกต้นไม้สร้างรายได้หลายทาง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชี้ว่า เกษตรกรไทยสามารถใช้ไม้ยืนต้นเป็นทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อ หรือขายเพื่อรับ คาร์บอนเครดิต ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ถือเป็นโอกาสใหม่ที่ช่วยเพิ่มรายได้จากผืนดิน

ปรับตัวเป็น Smart Farmer ลดต้นทุน เพิ่มกำไร

การเปลี่ยนวิถีการเกษตรแบบเดิม สู่ เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ช่วยให้เกษตรกรไทยแข่งขันได้ในระดับสากล โดยใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบพยากรณ์อากาศ การวิเคราะห์ดิน และระบบน้ำอัจฉริยะ เพื่อ ลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพ และบริหารจัดการความเสี่ยง

เกษตรไทย = ธุรกิจใหม่ที่มีอนาคต

ประเทศไทยมีเกษตรกรจำนวนมากที่มีศักยภาพในการเพาะปลูก โดยข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่ามีผู้ทำการเกษตรถึง 8.6 ล้านราย ครอบคลุมพื้นที่ 141 ล้านไร่ ซึ่งในจำนวนนี้มีเกษตรกรที่ปลูกไม้ดอกไม้ประดับถึง 202,801 ราย บนพื้นที่กว่า 700,000 ไร่

หากมีการส่งเสริมจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านเงินทุน เทคโนโลยี การตลาด และการเข้าถึงแหล่งส่งออก จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมนี้ให้เป็นหนึ่งใน “เสาหลักใหม่ของเศรษฐกิจไทย” ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ความยั่งยืน และโอกาสที่ทุกคนเข้าถึงได้

avatar

ยศไกร รัตนบรรเทิง
เบน