สรุปมติ ครม. วันนี้ กดปุ่มอนุมัติอะไรบ้าง?

สรุปมติ ครม. วันนี้ กดปุ่มอนุมัติอะไรบ้าง?

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ มีการอนุมัติโครงการและร่างกฎหมายสำคัญหลายฉบับที่ส่งผลต่อโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ และสังคมไทย ทั้งในด้านการพัฒนาโครงข่ายคมนาคม การศึกษาของเยาวชน และการคุ้มครองสิทธิประชาชน โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้



สรุปมติ ครม. วันนี้ กดปุ่มอนุมัติอะไรบ้าง?

สรุปข่าว

ที่ประชุม ครม. อนุมัติหลายโครงการสำคัญ ทั้งงบ 875 ล้านเดินหน้าสะพานเกียกกาย, งบกลาง 2.8 พันล้านให้ กยศ. ปล่อยกู้ นศ., กฎหมายคุ้มครองเด็กจากภัยออนไลน์, เพิ่มโทษคดีความรุนแรงในครอบครัว และอนุมัติเออร์ลี่รีไทร์ตำรวจ เริ่ม 1 เม.ย. นี้

ก่อหนี้ผูกพัน 875 ล้านบาท เดินหน้าสะพานเกียกกาย

หนึ่งในมติสำคัญที่ ครม. อนุมัติคือการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ วงเงิน 875.50 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณแยกเกียกกาย ช่วงที่ 3 ซึ่งเป็นส่วนของทางยกระดับและถนนฝั่งพระนครจากแม่น้ำเจ้าพระยาถึงแยกสะพานแดง งบประมาณดังกล่าวมาจากการอุดหนุนของรัฐบาลและงบประมาณของกรุงเทพมหานคร (กทม.) อย่างละครึ่ง

โครงการสะพานเกียกกายแบ่งออกเป็น 3 ช่วง โดยช่วงที่ 1 และ 2 มีความคืบหน้าไปแล้วบางส่วน ขณะที่ช่วงที่ 3 ซึ่งยังไม่เริ่มดำเนินการ ถูกผลักดันให้เดินหน้าโดยเร่งด่วน เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความพร้อมมากที่สุด เมื่อแล้วเสร็จ คาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบริเวณรัฐสภาและพื้นที่โดยรอบได้เป็นอย่างดี

งบกลาง 2.8 พันล้านบาท กยศ. พร้อมปล่อยกู้ปีการศึกษา 2568

ในด้านการศึกษา ครม. มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายฉุกเฉิน 2,838.64 ล้านบาท ให้กับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อให้สามารถปล่อยกู้ให้แก่นักเรียนและนักศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 โดยงบประมาณดังกล่าวจะครอบคลุมค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพระหว่างการศึกษา ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม ครม. ได้สั่งการให้ กยศ. เร่งรัดมาตรการติดตามหนี้ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน เพื่อให้กองทุนมีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการปล่อยกู้ในปีต่อๆ ไป


เพิ่มโทษความรุนแรงในครอบครัว ปรับหนักขึ้น 10 เท่า

มติ ครม. วันนี้ ยังได้ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวฉบับใหม่ ซึ่งมีการแก้ไขนิยามของความรุนแรงในครอบครัวให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น โดยผู้กระทำความผิดจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท จากเดิมที่มีโทษปรับเพียง 6,000 บาท

นอกจากนี้ หากผู้กระทำความผิดกระทำซ้ำภายใน 3 ปี หรือลงมือกับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี โทษที่ได้รับจะถูกเพิ่มขึ้นจากที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งเป็นมาตรการที่มุ่งหวังให้เกิดการป้องกันความรุนแรงในครอบครัวอย่างจริงจัง

ออกกฎหมายคุ้มครองเด็กจากภัยออนไลน์

อีกหนึ่งกฎหมายที่ได้รับการอนุมัติหลักการคือ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นช่องทางในการล่วงละเมิดเด็กเพิ่มขึ้น

ร่างกฎหมายฉบับนี้กำหนดฐานความผิดใหม่ 5 ประเภท ได้แก่ การล่อลวงเด็กเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศ การพูดคุยเรื่องเพศไม่เหมาะสม การแบล็กเมลทางเพศ การติดตามคุกคาม และการกลั่นแกล้งรังแกออนไลน์ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้แก่เด็กและเยาวชนในยุคดิจิทัล

เปิดทางตำรวจเออร์ลี่รีไทร์ เริ่ม 1 เม.ย. นี้

ในภาคส่วนของหน่วยงานราชการ ครม. ได้เห็นชอบโครงการเออร์ลี่รีไทร์ข้าราชการตำรวจ โดยให้สามารถเริ่มโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ จากเดิมที่กำหนดให้ดำเนินการในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี โดยมีเงื่อนไขให้ข้าราชการตำรวจที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีเวลาราชการไม่เกิน 25 ปี สามารถสมัครเข้าร่วมได้

เบื้องต้นมีนายพลตำรวจระดับสูงเข้าร่วมโครงการนี้แล้วกว่า 60 นาย ซึ่งการปรับโครงสร้างกำลังพลในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยให้การบริหารกำลังพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีความคล่องตัวมากขึ้น

ปรับเกณฑ์คำนวณภาษีมรดก ลดความซับซ้อน

อีกประเด็นสำคัญที่ ครม. มีมติอนุมัติคือร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์คำนวณมูลค่าทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีการรับมรดก โดยเฉพาะในส่วนของหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้มีวิธีการคำนวณที่ซับซ้อนและสร้างภาระให้กับผู้ได้รับมรดก

การแก้ไขครั้งนี้จะช่วยลดความยุ่งยากในการคำนวณภาษีและเพิ่มความโปร่งใสให้กับระบบภาษีมรดก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งประชาชนและภาครัฐในการจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

มติ ครม. ในวันนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายสำคัญที่ครอบคลุมหลายด้าน ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา สวัสดิการประชาชน และการบริหารงานภาครัฐ ซึ่งล้วนมีผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตของประชาชน การติดตามความคืบหน้าของมาตรการเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดในระยะต่อไป

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : Freepik