คอลเซ็นเตอร์สูญพันธุ์? ไทย-จีบ จับมือ ปิดทางมิจฉาชีพ

ไทย-จีน ผนึกกำลังปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้กลายเป็นปัญหาระดับโลกที่สร้างความเสียหายมหาศาลแก่ประชาชน โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ล่าสุด “หลิว จงอี” ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะของจีน เดินทางมาไทยเพื่อเจรจากับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่กำลังระบาดอย่างหนัก

ทำไมจีนต้องส่ง “หลิว จงอี” มาหารือกับไทย?

การที่จีนส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างหลิว จงอี มาหารือกับรัฐบาลไทยเป็นการแสดงออกถึงความจริงจังในการจัดการปัญหานี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่วนใหญ่ตั้งฐานปฏิบัติการในประเทศเพื่อนบ้านของไทย และใช้ไทยเป็นจุดผ่านสำคัญในการดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมาย นอกจากนี้ การทำธุรกรรมทางการเงินจำนวนมากยังเชื่อมโยงกับระบบธนาคารไทย ทำให้การสกัดกั้นและการกวาดล้างจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด

4 มาตรการเด็ดจากจีนเพื่อกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์

จากการหารือระหว่างรัฐบาลไทยและจีน มีการเสนอ 4 มาตรการหลักในการแก้ไขปัญหานี้ ได้แก่

  • จัดตั้งกลไกความร่วมมือไตรภาคี – จีนต้องการให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมร่วมกับเมียนมา เพื่อพัฒนาแนวทางความร่วมมือในการจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเป็นระบบ
  • ตัดเส้นทางการสื่อสารและพลังงาน – จีนเสนอให้ไทยดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาด เช่น ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าในพื้นที่ที่พบว่าเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อลดศักยภาพของมิจฉาชีพ
  • สกัดกั้นและปิดกั้นการเคลื่อนย้ายอาชญากร – จีนต้องการให้ไทยเข้มงวดในการควบคุมพื้นที่ชายแดน ป้องกันไม่ให้อาชญากรเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่อื่น
  • ส่งตัวผู้ต้องหากลับจีน – มีการเสนอให้จัดตั้งระบบพิสูจน์ตัวตน (Proof Of Concept – PoC) เพื่อให้สามารถส่งตัวผู้กระทำผิดกลับจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 คอลเซ็นเตอร์สูญพันธุ์? ไทย-จีบ จับมือ ปิดทางมิจฉาชีพ

สรุปข่าว

หลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงจีน เดินทางมาไทยหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เพื่อกำหนดแนวทางปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ โดยเสนอ 4 มาตรการหลัก ได้แก่ การจัดตั้งกลไกความร่วมมือไตรภาคี การตัดเส้นทางการสื่อสารและพลังงาน การสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายอาชญากร และการส่งตัวผู้ต้องหากลับจีน พร้อมวางแผนส่งผู้ต้องหาและเหยื่อค้ามนุษย์กว่า 3,900 คนกลับประเทศในเดือนกุมภาพันธ์นี้

หลิว จงอี งพื้นที่แม่สอด เดินหน้ากดดันมาตรการปราบปราม

หลิว จงอี ลงพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ถึงสองครั้ง ครั้งแรกในปลายเดือนมกราคม 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่ไทยกำลังพิจารณาการตัดไฟฟ้าในพื้นที่ชายแดนเมียวดี ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลัง BGF ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ในการเยือนครั้งนั้น หลิว จงอี ได้ยื่น 4 ข้อเสนอเพิ่มเติมให้รัฐบาลไทยพิจารณา ได้แก่

  • ให้ไทยตัดไฟฟ้า น้ำประปา และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ถูกใช้เป็นทรัพยากรสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์
  • ขอให้ไทยเจรจากับ BGF เพื่อให้ปล่อยตัวชายจีนที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์
  • ตั้งศูนย์ประสานงานไทย-จีนที่แม่สอด เพื่อให้สามารถจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • จับกุมและควบคุมตัวชาวจีนที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ชายแดน ซึ่งคาดว่ามีมากถึง 50,000 คน

ความเคลื่อนไหวของหลิว จงอี เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ทำให้รัฐบาลไทยต้องเร่งดำเนินมาตรการตัดไฟฟ้าในพื้นที่เป้าหมายทันที

ความร่วมมือกับ BGF และแผนส่งตัวผู้ต้องหากลับจีน

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 หลิว จงอี ได้เข้าพบพันเอกหม่องชิตตู่ ผู้นำกองกำลัง BGF เพื่อหารือเกี่ยวกับการส่งตัวชาวจีนที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงเหยื่อค้ามนุษย์กลับประเทศ โดยคาดว่ามีจำนวนมากถึง 3,900 คน

นอกจากนี้ จีนยังเตรียมแผนส่งเครื่องบินมารับตัวผู้ต้องหาโดยตรงจากแม่สอด ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 4 มีนาคม รวมเป็นระยะเวลา 5 วัน ซึ่งถือเป็นปฏิบัติการครั้งใหญ่ในการส่งตัวผู้กระทำผิดข้ามชาติกลับประเทศต้นทาง

ไทยจะรับมือกับการกวาดล้างครั้งใหญ่นี้ได้หรือไม่?

ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ คาดว่าจะมีการเคลื่อนย้ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเหยื่อค้ามนุษย์จำนวนมากจากเมียวดี โดยไทยเป็นเส้นทางผ่านสำคัญ คำถามที่ตามมาคือ ไทยจะสามารถบริหารจัดการกระบวนการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่? จะมีการหลบหนีของอาชญากรหรือการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่?

ไทย-จีน กับอนาคตของการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์

การเคลื่อนไหวของหลิว จงอี แสดงให้เห็นถึงความจริงจังของจีนในการจัดการปัญหานี้ และยังเน้นให้เห็นว่าไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญในการดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ หากความร่วมมือไทย-จีนสามารถดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาจช่วยลดจำนวนแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปิดเส้นทางอาชญากรรมเหล่านี้ได้อย่างถาวร

อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาดูว่า มาตรการที่เสนอไว้จะสามารถลบล้างขบวนการคอลเซ็นเตอร์ได้จริงหรือไม่ หรือกลุ่มอาชญากรเหล่านี้จะหาทางปรับตัวและตั้งฐานปฏิบัติการใหม่ที่อื่นอีกครั้ง คำตอบของเรื่องนี้จะค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ที่มาข้อมูล : ยศไกร รัตนบรรเทิง - TNN เรียบเรียง

ที่มารูปภาพ : TNN