เปิดแผนล้มขุนศึกชายแดน DSI ล่า "หม่อง ชิตตู" โยงคดีค้ามนุษย์ข้ามชาติ

หมายจับ "หม่อง ชิตตู" – จุดเปลี่ยนการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่ชายแดนไทย-เมียนมา?

ขณะที่สายตาของสังคมไทยจับจ้องไปที่การปราบปราม "จีนเทา" ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวสำคัญกำลังเกิดขึ้น เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เตรียมออกหมายจับ พ.อ.หม่อง ชิตตู ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) พร้อมพวกอีกสองราย พ.ต.เต่งวิน และ พ.ท.เมาะโต่ง ในข้อหาค้ามนุษย์ การดำเนินการครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่ชายแดนไทย-เมียนมา

หม่อง ชิตตู – จากขุนศึกสู่ศูนย์กลางอำนาจสีเทา

พ.อ.หม่อง ชิตตู ไม่ใช่แค่ผู้นำกองกำลังติดอาวุธธรรมดา แต่ยังเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลสูงในภูมิภาค เขาเป็นทั้งผู้ก่อตั้งและเลขาธิการของ กองกำลังรักษาชายแดนกะเหรี่ยง (BGF) และ กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNA) ซึ่งอยู่ภายใต้การสนับสนุนของกองทัพเมียนมา นอกจากนี้ เขายังเป็นอดีตประธาน Chit Linn Myaing Group (CLM) ที่ครอบครองอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ในเมืองชเวโก๊กโก ศูนย์กลางของกิจกรรมเศรษฐกิจสีเทา ไม่ว่าจะเป็นการพนัน ยาเสพติด และธุรกิจผิดกฎหมายอื่น ๆ

ที่มาของหมายจับ – คดีค้ามนุษย์ข้ามชาติ

หมายจับที่กำลังจะออกนี้เกี่ยวข้องกับ คดีพิเศษที่ 304/2565 ซึ่งเริ่มต้นจากการร้องขอความช่วยเหลือของทางการอินเดีย หลังพบว่ามีชาวอินเดีย 7 คนถูกหลอกไปทำงาน โรแมนซ์สแกม และ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภายในบ่อนเฮงเชง จังหวัดเมียวดี

แต่ปัญหานี้ใหญ่กว่านั้นมาก ตั้งแต่ปี 2566 มีชาวอินเดียกว่า 5,000 คน ถูกล่อลวงเข้ามาในเครือข่ายค้ามนุษย์ในภูมิภาคนี้ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาลถึง 2,000 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลอินเดียกดดันให้มีการดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้อง

คำตอบโต้จาก BGF – ใครกันแน่ต้องรับผิดชอบ?

ตามรายงานข่าวระบุว่า หลัง DSI ประกาศเดินหน้าดำเนินคดี ผู้นำของ กองกำลัง BGF ได้ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาอย่างหนักแน่น

พ.ท.หน่ายหม่อง โซ รองผู้บังคับการกองกำลัง BGF ศูนย์เมียวดี ระบุว่า พวกเขา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ และย้ำว่า "เราไม่ใช่พลเมืองไทย และเราไม่ใช่พวกที่ชอบโกงหรือทำร้ายผู้อื่น"

ด้าน พ.อ.หม่อง ชิตตู เองก็ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว DVB ว่า BGF ไม่ได้เป็นผู้พาชาวต่างชาติเข้ามาในเมียนมา พร้อมตั้งคำถามกลับว่า

"คนพวกนี้ไม่ได้มีปีกหรือลอยมาจากอากาศ พวกเขาเข้ามาทางไหน ประเทศไทยรู้ดี"

พร้อมแสดงท่าทีว่าหากมีการร้องขออย่างเป็นทางการ BGF พร้อมส่งตัวบุคคลต่างชาติกลับประเทศต้นทาง

จับ "หม่อง ชิตตู" ได้จริงหรือ?

แม้การออกหมายจับจะเป็นก้าวสำคัญ แต่คำถามสำคัญคือ จะสามารถจับตัวเขาได้จริงหรือไม่?

DSI ประเมินว่ามีโอกาสจับกุมได้ เนื่องจากหม่อง ชิตตู มักเดินทางเข้าไทยเพื่อรักษาตัว อย่างไรก็ตาม การดำเนินการอาจกลายเป็น ข้อพิพาทระหว่างไทยและเมียนมา เนื่องจากทางการเมียนมาอาจมองว่าการออกหมายจับเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน


เปิดแผนล้มขุนศึกชายแดน DSI ล่า "หม่อง ชิตตู" โยงคดีค้ามนุษย์ข้ามชาติ

สรุปข่าว

DSI เตรียมออกหมายจับ พ.อ.หม่อง ชิตตู ผู้นำ BGF และพวกอีก 2 ราย คดีค้ามนุษย์ชาวอินเดีย เหยื่อกว่า 5,000 คน เสียหาย 2,000 ล้านบาท ชี้เป็นจุดเปลี่ยนปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

เครือข่ายในไทย – ปัญหาที่ใหญ่กว่าตัวบุคคล

อีกประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาคือ การขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องในฝั่งไทย โดยขณะนี้มี คนไทย 2 ราย ถูกกล่าวหาว่าให้ที่พักพิงแก่กลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งอาจนำไปสู่การสืบสวนคดี ฟอกเงิน และการเชื่อมโยงไปยัง เจ้าหน้าที่รัฐที่อาจมีส่วนรู้เห็น

นอกจากนี้ มีข้อมูลชี้ว่า เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติได้ขยายไปถึงชายแดนภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะพื้นที่ติดกับมาเลเซีย ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองของหน่วยงานด้านความมั่นคง

จุดเปลี่ยนที่แท้จริง หรือแค่การแสดงท่าที?

การออกหมายจับครั้งนี้อาจเป็น จุดเริ่มต้นของการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่ชายแดนไทย-เมียนมา หรืออาจเป็นเพียง การแสดงท่าทีทางการเมืองเพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันจากต่างประเทศ

ที่สำคัญ เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างโยนความรับผิดชอบให้กัน แล้วใครกันแน่ต้องรับผิดชอบต่อชะตากรรมของเหยื่อค้ามนุษย์เหล่านี้?

หมายจับนี้จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้จริงหรือไม่?

ท้ายที่สุด เราทุกคนต่างรอดูว่า หมายจับฉบับนี้จะเป็นเพียง "กระดาษแผ่นหนึ่ง" หรือจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ชายแดนไทย-เมียนมา

หากต้องการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติอย่างแท้จริง ความร่วมมือระหว่างประเทศและการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังโดยไม่เลือกปฏิบัติ คือปัจจัยสำคัญที่สุด