ปฏิวัติใบสั่งจราจร สิทธิประชาชนต้องมาก่อน "ไม่จ่าย-โต้แย้ง“ ได้หรือ?

ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับการออกใบสั่งและกำหนดค่าปรับจราจร ซึ่งเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน โดยเฉพาะผู้ใช้รถใช้ถนน คำพิพากษานี้สะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ไขที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต บทความนี้จะอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น

ปฏิวัติใบสั่งจราจร สิทธิประชาชนต้องมาก่อน  "ไม่จ่าย-โต้แย้ง“ ได้หรือ?

สรุปข่าว

ศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนใบสั่งจราจรแบบเดิม ชี้ต้องแจ้งสิทธิประชาชนให้ชัดเจน และค่าปรับต้องเป็นธรรม ไม่ใช่แบบตายตัว ประชาชนมีสิทธิโต้แย้งใบสั่งที่ไม่เป็นธรรม ควรรู้ไว้!

ที่มาของปัญหา

ในอดีต เมื่อประชาชนได้รับใบสั่งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนใหญ่เข้าใจว่าจำเป็นต้องจ่ายค่าปรับตามที่ระบุในใบสั่งโดยไม่มีทางเลือกอื่น หลายคนไม่ทราบว่าพวกเขามีสิทธิในการโต้แย้งหรืออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ นอกจากนี้ ใบสั่งยังมีข้อความเตือนที่ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าหากไม่ชำระค่าปรับภายในเวลาที่กำหนด อาจถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจขัดต่อหลักการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน

ประเด็นสำคัญในคำพิพากษา

1. ใบสั่งต้องแจ้งสิทธิของประชาชนอย่างชัดเจน

ศาลเห็นว่า ใบสั่งจราจรต้องแจ้งให้ประชาชนทราบว่าพวกเขามีสิทธิในการโต้แย้ง หรือสามารถนำคดีขึ้นสู่ศาลได้ ไม่ใช่แค่ต้องจ่ายค่าปรับเพียงอย่างเดียว เพราะประชาชนควรได้รับโอกาสในการพิจารณาว่าตนเองกระทำผิดจริงหรือไม่ และสามารถใช้สิทธิทางกฎหมายเพื่อคัดค้านคำสั่งได้

ใบสั่งที่ใช้อยู่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ให้ข้อมูลเหล่านี้อย่างชัดเจน ทำให้ประชาชนหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าตนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชำระค่าปรับทันที หากไม่มีการแจ้งสิทธิที่ชัดเจน ย่อมทำให้ผู้ขับขี่ขาดโอกาสในการใช้สิทธิของตนเองอย่างถูกต้อง

การไม่แจ้งสิทธิของประชาชนอย่างชัดเจนถือเป็นการละเมิดหลักความยุติธรรมและขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดให้บุคคลได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายก่อนที่จะถูกตัดสินว่ากระทำความผิด การบังคับให้ประชาชนจ่ายค่าปรับโดยไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิในการโต้แย้งถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรม และอาจทำให้ประชาชนต้องรับโทษโดยไม่มีโอกาสต่อสู้คดีอย่างเหมาะสม

2. การกำหนดค่าปรับแบบตายตัวไม่เป็นธรรม

ศาลเห็นว่าการกำหนดค่าปรับในอัตราตายตัวโดยไม่มีการพิจารณารายกรณีเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

ในบางกรณี ผู้ขับขี่อาจมีเหตุจำเป็น หรือเป็นความผิดครั้งแรก ซึ่งควรได้รับการตักเตือนแทนการเสียค่าปรับ

การกำหนดค่าปรับแบบตายตัวเป็นการใช้อำนาจที่เกินขอบเขต และอาจทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อประชาชน

3. ศาลให้เวลา 180 วันในการแก้ไขกฎระเบียบ

- แม้ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนประกาศดังกล่าว แต่ให้เวลา 180 วันก่อนให้มีผลบังคับใช้

- ช่วงเวลานี้เปิดโอกาสให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติปรับปรุงรูปแบบใบสั่งใหม่ให้สอดคล้องกับกฎหมาย

- คาดว่าใบสั่งใหม่จะต้องแจ้งสิทธิของประชาชนชัดเจนขึ้น และต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้ดุลพินิจในการกำหนดค่าปรับได้

ผลกระทบต่อประชาชน

1. ประชาชนมีสิทธิในการโต้แย้งใบสั่งมากขึ้น

หากได้รับใบสั่ง ประชาชนสามารถเลือกที่จะจ่ายค่าปรับ หรือโต้แย้งและขอให้ศาลพิจารณาคดีได้

เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องแจ้งสิทธิของประชาชนในการโต้แย้งอย่างชัดเจน เพื่อลดความสับสนและเพิ่มโอกาสในการขอความเป็นธรรม

2. มีโอกาสที่แบบฟอร์มใบสั่งจะถูกปรับปรุง

ใบสั่งอาจต้องได้รับการปรับปรุงใหม่ให้เป็นไปตามหลักกฎหมาย โดยเฉพาะการแจ้งสิทธิของประชาชน

อาจมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการชำระค่าปรับให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมมากขึ้น

3. เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้ดุลพินิจในการออกใบสั่งมากขึ้น

ตำรวจจะไม่สามารถกำหนดค่าปรับแบบตายตัวโดยไม่มีการพิจารณารายบุคคลอีกต่อไป

เจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาเหตุผลและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล เช่น หากมีเหตุจำเป็นหรือเป็นความผิดครั้งแรก อาจเลือกใช้การตักเตือนแทนการออกใบสั่งปรับ

---------------

คำพิพากษานี้เป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิของประชาชน ทำให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น และป้องกันการใช้อำนาจที่ไม่เหมาะสมจากหน่วยงานรัฐ ประชาชนควรตระหนักถึงสิทธิของตนเอง และหากได้รับใบสั่งที่ไม่เป็นธรรม สามารถโต้แย้งเพื่อขอความเป็นธรรมได้

ขณะเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องดำเนินการแก้ไขกฎระเบียบให้สอดคล้องกับคำพิพากษาของศาล เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างเป็นธรรมและโปร่งใสมากขึ้น การปรับปรุงกฎระเบียบนี้จะช่วยให้การออกใบสั่งเป็นไปอย่างเป็นธรรม สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ใช้รถใช้ถนน

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : TNN