เปิดโปงขบวนการค้ามนุษย์ นรกจอร์เจียกับอุตสาหกรรมค้าขายไข่สืบพันธุ์
เบื้องลึกขบวนการค้ามนุษย์สุดอำมหิต
ขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศจอร์เจียที่บังคับให้หญิงสาวขายไข่สืบพันธุ์เป็นเรื่องราวที่สะท้อนถึงอาชญากรรมข้ามชาติที่โหดร้าย มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นำโดย นางปวีณา หงสกุล ได้รับแจ้งว่ามีหญิงสาวชาวไทยถูกล่อลวงให้ไปทำงานอุ้มบุญ แต่แท้จริงแล้วกลับถูกบังคับให้ขายไข่โดยไม่มีทางเลือก ขบวนการนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การค้าสุขภาพของเหยื่อ แต่ยังอาจโยงไปถึงการค้าอวัยวะมนุษย์ที่รุนแรงยิ่งขึ้น
เหยื่อหลงกลกับดัก "งานอุ้มบุญ"
หญิงสาวหลายรายเปิดเผยว่าพวกเธอถูกหลอกผ่านโซเชียลมีเดีย โดยมีการชักชวนว่าการอุ้มบุญในจอร์เจียเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมายและได้รับค่าตอบแทนสูงถึง 400,000-600,000 บาท เมื่อเดินทางถึงกลับถูกกักตัว ยึดหนังสือเดินทาง และบังคับให้เข้าสู่กระบวนการกระตุ้นไข่เพื่อให้ได้ปริมาณที่สามารถขายได้
น.ส.เอ (นามสมมติ) หนึ่งในเหยื่อที่รอดชีวิต เปิดเผยว่า เธอถูกฉีดยาเร่งไข่โดยไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียง และเมื่อถึงกำหนดก็ถูกวางยาสลบและใช้เครื่องมือสอดผ่านช่องคลอดเพื่อรีดไข่ไปใช้ในกระบวนการปฏิสนธินอกร่างกาย ไข่ที่ถูกรีดออกไปจะถูกส่งไปยัง ประเทศที่สาม ซึ่งคาดว่ามีตลาดรองรับการทำเด็กหลอดแก้วโดยผิดกฎหมาย
ชีวิตใน "คุกไร้กำแพง" ขู่ขายไข่ 3 ครั้งเพื่อแลกอิสรภาพ
เหยื่อบางคนเผยว่า หากต้องการกลับบ้าน ต้องยอมให้ขบวนการรีดไข่ 3 ครั้งเพื่อแลกกับการปล่อยตัว หรือจ่ายเงินค่าปรับสูงถึง 50,000 บาท ทำให้หลายคนต้องจำใจอยู่ต่อและถูกบังคับขายไข่ซ้ำๆ โดยไม่มีสิทธิ์เลือก บางคนถูกปล่อยให้หิวโหย และถูกขู่ฆ่าหากพยายามหลบหนี
น.ส.บี (นามสมมติ) หนึ่งในผู้รอดชีวิต กล่าวว่า เธอและเพื่อนหญิงชาวไทยอีกหลายสิบคนถูกบังคับให้อยู่ในบ้านพัก 4 ชั้น ที่มีหญิงไทยอาศัยอยู่มากกว่า 100 คน ทุกคนต้องรับการฉีดยากระตุ้นไข่ และถ่ายคลิปส่งให้กลุ่มผู้ค้ามนุษย์ตรวจสอบ หากมีใครปฏิเสธ จะถูกลงโทษหรือเพิ่มหนี้สินจนไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้
ปฏิบัติการช่วยเหลือ เมื่อเหยื่อส่งเสียงถึง "ปวีณา"
เหตุการณ์นี้ได้รับการเปิดเผยหลังจากหญิงสาวสามคนที่ไม่สามารถทนต่อไปได้ ติดต่อขอความช่วยเหลือจาก มูลนิธิปวีณาฯ ซึ่งต่อมาได้ประสานกับ พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศและตำรวจสากลไทย โดยตำรวจสากลร่วม 30 นายได้เข้าช่วยเหลือเหยื่อออกมาได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ยังมีหญิงสาวอีกนับร้อยที่ติดอยู่ในเงื้อมมือของขบวนการนี้และไม่กล้าออกมาเพราะเกรงกลัวการข่มขู่จากนายหน้าชาวจีนและคนไทยที่ร่วมขบวนการนี้
ขบวนการค้ามนุษย์โยงตลาดค้าอวัยวะ?
ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์เจริญพันธุ์อย่าง ศ.นพ.กำธร พฤกษานานนท์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เตือนว่า กระบวนการค้าขายไข่ในลักษณะนี้ไม่ได้เป็นเพียงการช่วยเหลือคู่รักที่ต้องการมีบุตรเท่านั้น แต่มีความเป็นไปได้ว่าบางส่วนของเด็กที่เกิดจากไข่เหล่านี้อาจถูกนำไปใช้ในธุรกิจค้าอวัยวะมนุษย์ ซึ่งหมายถึงการใช้ทารกเป็นแหล่งอวัยวะสำหรับผู้ต้องการปลูกถ่ายอวัยวะในตลาดมืด
ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การขายไข่โดยไม่ได้รับอนุญาตและการนำไข่ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ถือเป็นการค้ามนุษย์ และสามารถดำเนินคดีทั้งในไทยและระดับสากลได้ พร้อมย้ำว่าขบวนการนี้อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง
สรุปข่าว
เสียงเรียกร้องถึงรัฐบาลไทยและนานาชาติ
นางปวีณา หงสกุล เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเพิ่มมาตรการป้องกันการหลอกลวงคนไทยให้ไปขายไข่หรืออุ้มบุญในต่างประเทศ พร้อมเสนอให้รัฐบาลจีนตรวจสอบเส้นทางการค้าของขบวนการนี้ เนื่องจากมีข้อมูลว่าปลายทางของไข่สืบพันธุ์ส่วนใหญ่คือ ประเทศจีน ซึ่งอาจเป็นที่ตั้งของตลาดรับซื้อไข่ผิดกฎหมาย
ขณะเดียวกัน ดร.ธนกฤต เตือนว่า บุคคลที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ผู้ชักชวนไปจนถึงนายหน้า สามารถถูกดำเนินคดีฐานค้ามนุษย์และฟอกเงิน โดยผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอาจต้องรับโทษทั้งจำคุกและถูกยึดทรัพย์สิน
บทสรุปและแนวทางการแก้ไข
คดี "นรกจอร์เจีย" เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของขบวนการค้ามนุษย์ที่ใช้ความยากจนเป็นเครื่องมือหลอกล่อเหยื่อให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่โหดร้าย มูลนิธิปวีณาฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมผลักดันให้รัฐบาลไทยและนานาชาติดำเนินการปราบปรามขบวนการนี้อย่างจริงจัง
ประชาชนต้องมีความระมัดระวังและตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจไปทำงานในต่างประเทศ เพราะเบื้องหลังคำโฆษณา "อุ้มบุญถูกกฎหมาย" อาจเป็นขุมนรกที่พรากอิสรภาพและชีวิตของผู้หญิงไปอย่างไม่มีวันหวนคืน
ที่มาข้อมูล : TNN เรียบเรียง - มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี / โหนกระแส
ที่มารูปภาพ : มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี