
ท้องทิพย์ (Pseudocyesis) มีจริงหรือไม่? เจาะลึกภาวะคิดว่าท้องที่ไม่ใช่การตั้งครรภ์
ภาวะท้องทิพย์ (Pseudocyesis) เป็นปรากฏการณ์ที่พบได้จริงในวงการแพทย์ แม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่มีผลกระทบทางร่างกายและจิตใจอย่างมากต่อผู้ที่ประสบภาวะนี้ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีความต้องการตั้งครรภ์อย่างแรงกล้าแต่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้จริง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักภาวะท้องทิพย์ให้มากขึ้น ตั้งแต่สาเหตุ อาการ ไปจนถึงแนวทางการรักษา
ท้องทิพย์ (Pseudocyesis) คืออะไร?
ท้องทิพย์ หรือที่เรียกว่า "ภาวะท้องหลอก" เป็นภาวะที่บุคคลเชื่อว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์และแสดงอาการเหมือนคนท้องจริง แต่เมื่อได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ กลับไม่พบหลักฐานการตั้งครรภ์ใด ๆ ต่างจากภาวะท้องลม (Blighted Ovum) ที่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้นจริง แต่ตัวอ่อนไม่สามารถพัฒนาเติบโตได้
สาเหตุของภาวะท้องทิพย์
แม้ว่าจะยังไม่มีการระบุสาเหตุที่แน่ชัด แต่ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะท้องทิพย์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่
- ด้านจิตใจ – ความต้องการตั้งครรภ์อย่างรุนแรง หรือแรงกดดันจากสังคมและครอบครัว
- ด้านร่างกาย – การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายที่ทำให้เกิดอาการคล้ายการตั้งครรภ์
- ด้านระบบประสาท – สมองรับรู้ผิดพลาดและกระตุ้นร่างกายให้ตอบสนองเหมือนการตั้งครรภ์
อาการของภาวะท้องทิพย์
- ผู้ที่มีภาวะท้องทิพย์จะมีอาการที่คล้ายกับคนท้องจริง ได้แก่
- ประจำเดือนขาด เป็นผลจากความเครียดและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- หน้าท้องโตขึ้น จากการสะสมไขมันหรือกล้ามเนื้อเกร็งตัว
- รู้สึกว่ามีลูกดิ้น เกิดจากการเคลื่อนไหวของลำไส้หรือกล้ามเนื้อหน้าท้อง
- เต้านมขยายและมีน้ำนมไหล เนื่องจากการกระตุ้นของฮอร์โมนโปรแลคติน
- อาการแพ้ท้อง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือเวียนศีรษะ
- ปัสสาวะบ่อย หรือมีอาการท้องแข็ง

สรุปข่าว
วิธีการวินิจฉัย
- แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยภาวะท้องทิพย์โดย
- การตรวจปัสสาวะหรือเลือด – เพื่อตรวจหาฮอร์โมนการตั้งครรภ์ (hCG) ซึ่งมักจะให้ผลลบในผู้ที่มีภาวะท้องทิพย์
- การตรวจร่างกายและอัลตราซาวด์ – ไม่พบตัวอ่อนหรือรกในมดลูก
- การประเมินสภาพจิตใจ – เพื่อค้นหาปัจจัยทางอารมณ์และจิตเวชที่เกี่ยวข้อง
แนวทางการรักษา
- ให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจ – แพทย์จะต้องอธิบายผลตรวจให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์จริง
- การให้การดูแลด้านจิตใจ – โดยนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยยอมรับความจริงและลดความเครียด
- การรักษาภาวะฮอร์โมนผิดปกติ – หากมีอาการผิดปกติทางกาย เช่น ประจำเดือนขาด แพทย์อาจใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อปรับสมดุล
- การดูแลด้านโภชนาการและสุขภาพกาย – เพื่อให้ร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลและลดความเสี่ยงของการเกิดซ้ำ
แม้ว่า “ท้องทิพย์” จะเป็นภาวะที่พบได้ไม่บ่อย แต่ส่งผลกระทบทางร่างกายและจิตใจอย่างมาก ผู้ที่มีภาวะนี้ควรได้รับการดูแลอย่างเข้าใจจากครอบครัวและบุคลากรทางการแพทย์ การตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องและการให้คำปรึกษาทางจิตใจเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
หากคุณสงสัยว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดอาจมีภาวะท้องทิพย์ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งทางกายและใจ
ที่มาข้อมูล : TNN เรียบเรียง
ที่มารูปภาพ : Freepik