ท้องทิพย์ (Pseudocyesis) มีจริงหรือไม่? เจาะลึกภาวะคิดว่าท้องที่ไม่ใช่การตั้งครรภ์

ท้องทิพย์ (Pseudocyesis) มีจริงหรือไม่? เจาะลึกภาวะคิดว่าท้องที่ไม่ใช่การตั้งครรภ์

ภาวะท้องทิพย์ (Pseudocyesis) เป็นปรากฏการณ์ที่พบได้จริงในวงการแพทย์ แม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่มีผลกระทบทางร่างกายและจิตใจอย่างมากต่อผู้ที่ประสบภาวะนี้ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีความต้องการตั้งครรภ์อย่างแรงกล้าแต่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้จริง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักภาวะท้องทิพย์ให้มากขึ้น ตั้งแต่สาเหตุ อาการ ไปจนถึงแนวทางการรักษา

ท้องทิพย์ (Pseudocyesis) คืออะไร?

ท้องทิพย์ หรือที่เรียกว่า "ภาวะท้องหลอก" เป็นภาวะที่บุคคลเชื่อว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์และแสดงอาการเหมือนคนท้องจริง แต่เมื่อได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ กลับไม่พบหลักฐานการตั้งครรภ์ใด ๆ ต่างจากภาวะท้องลม (Blighted Ovum) ที่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้นจริง แต่ตัวอ่อนไม่สามารถพัฒนาเติบโตได้

สาเหตุของภาวะท้องทิพย์

แม้ว่าจะยังไม่มีการระบุสาเหตุที่แน่ชัด แต่ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะท้องทิพย์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่

  1. ด้านจิตใจ – ความต้องการตั้งครรภ์อย่างรุนแรง หรือแรงกดดันจากสังคมและครอบครัว
  2. ด้านร่างกาย – การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายที่ทำให้เกิดอาการคล้ายการตั้งครรภ์
  3. ด้านระบบประสาท – สมองรับรู้ผิดพลาดและกระตุ้นร่างกายให้ตอบสนองเหมือนการตั้งครรภ์

อาการของภาวะท้องทิพย์

  1. ผู้ที่มีภาวะท้องทิพย์จะมีอาการที่คล้ายกับคนท้องจริง ได้แก่
  2. ประจำเดือนขาด เป็นผลจากความเครียดและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  3. หน้าท้องโตขึ้น จากการสะสมไขมันหรือกล้ามเนื้อเกร็งตัว
  4. รู้สึกว่ามีลูกดิ้น เกิดจากการเคลื่อนไหวของลำไส้หรือกล้ามเนื้อหน้าท้อง
  5. เต้านมขยายและมีน้ำนมไหล เนื่องจากการกระตุ้นของฮอร์โมนโปรแลคติน
  6. อาการแพ้ท้อง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือเวียนศีรษะ
  7. ปัสสาวะบ่อย หรือมีอาการท้องแข็ง


ท้องทิพย์ (Pseudocyesis) มีจริงหรือไม่? เจาะลึกภาวะคิดว่าท้องที่ไม่ใช่การตั้งครรภ์

สรุปข่าว

ภาวะท้องทิพย์ (Pseudocyesis) เป็นปรากฏการณ์ทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นจริง โดยผู้ป่วยจะมีความเชื่อว่าตนเองตั้งครรภ์และแสดงอาการเหมือนคนท้องจริง เช่น ประจำเดือนขาด ท้องโต คลื่นไส้ และมีน้ำนม แต่การตรวจทางการแพทย์ไม่พบการตั้งครรภ์ สาเหตุหลักมาจากปัจจัยทางจิตใจ ฮอร์โมน และระบบประสาท การรักษาต้องอาศัยทั้งการให้ความรู้ความเข้าใจ การดูแลด้านจิตใจ และการรักษาความผิดปกติของฮอร์โมนควบคู่กัน

วิธีการวินิจฉัย

  1. แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยภาวะท้องทิพย์โดย
  2. การตรวจปัสสาวะหรือเลือด – เพื่อตรวจหาฮอร์โมนการตั้งครรภ์ (hCG) ซึ่งมักจะให้ผลลบในผู้ที่มีภาวะท้องทิพย์
  3. การตรวจร่างกายและอัลตราซาวด์ – ไม่พบตัวอ่อนหรือรกในมดลูก
  4. การประเมินสภาพจิตใจ – เพื่อค้นหาปัจจัยทางอารมณ์และจิตเวชที่เกี่ยวข้อง

แนวทางการรักษา

  1. ให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจ – แพทย์จะต้องอธิบายผลตรวจให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์จริง
  2. การให้การดูแลด้านจิตใจ – โดยนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยยอมรับความจริงและลดความเครียด
  3. การรักษาภาวะฮอร์โมนผิดปกติ – หากมีอาการผิดปกติทางกาย เช่น ประจำเดือนขาด แพทย์อาจใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อปรับสมดุล
  4. การดูแลด้านโภชนาการและสุขภาพกาย – เพื่อให้ร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลและลดความเสี่ยงของการเกิดซ้ำ

แม้ว่า “ท้องทิพย์” จะเป็นภาวะที่พบได้ไม่บ่อย แต่ส่งผลกระทบทางร่างกายและจิตใจอย่างมาก ผู้ที่มีภาวะนี้ควรได้รับการดูแลอย่างเข้าใจจากครอบครัวและบุคลากรทางการแพทย์ การตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องและการให้คำปรึกษาทางจิตใจเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

หากคุณสงสัยว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดอาจมีภาวะท้องทิพย์ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งทางกายและใจ

ที่มาข้อมูล : TNN เรียบเรียง

ที่มารูปภาพ : Freepik