เกาะติดเลือกตั้งนายกอบจ.2568

2 กุมภาพันธ์ 2568
09:27

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศเตือนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใดที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ เนื่องจากมีเหตุอันสมควร ให้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่นที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน โดยทำเป็นหนังสือซึ่งต้องระบุเลขประจำตัวประชาชน และที่อยู่ตามหลักฐานทะเบียนบ้าน ภายใน 7 วัน (2-8 ก.พ. 68) นับแต่วันเลือกตั้ง สามารถแจ้งด้วยตัวเอง หรือมอบหมายให้ผู้อื่นไปยื่นแทน หรือจัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน

เหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้

- มีกิจธุระจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล

- เจ็บป่วยและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้

- เป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้

- เดินทางออกนอกราชอาณาจักร

- มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่า 100 กิโลเมตร

- ได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกเขตเลือกตั้ง

- มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุอื่นที่ กกต. กำหนด

ระบบการแจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์

ได้ที่ : https://stat.bora.dopa.go.th/Election/abscause/#/mai



TNN


1 กุมภาพันธ์ 2568
22:51


สุราษฎร์ธานี – วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.20 น. ผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานี อย่างไม่เป็นทางการเผยว่า นางโสภา กาญจนะ หรือ "ป้าโส" ผู้สมัครหมายเลข 4 ได้รับคะแนนสูงสุดที่ 156,267 คะแนน เอาชนะคู่แข่งสำคัญอย่างนายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว ผู้สมัครหมายเลข 2 ซึ่งได้ 111,229 คะแนน ส่วนอันดับสามคือ หมอจิระชาต เรืองวัชรินท์ จากพรรคประชาชน ผู้สมัครหมายเลข 5 ได้ 85,276 คะแนน  

ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง นายก อบจ. สุราษฎร์ธานี นางโสภา ได้ประกาศชัยชนะ พร้อมกล่าวขอบคุณชาวสุราษฎร์ธานีที่ให้การสนับสนุน และให้คำมั่นว่าจะเร่งเดินหน้าตามนโยบายที่ให้ไว้ทันทีที่ผลการเลือกตั้งได้รับการรับรอง  

บรรยากาศการฉลองชัยเป็นไปอย่างชื่นมื่น โดยนายชุมพล กาญจนะ อดีต สส. สามีของนางโสภา ได้มอบดอกกุหลาบแสดงความยินดี ก่อนที่ทั้งสองจะสวมกอดกัน ท่ามกลางเสียงเชียร์จากทีมงานและผู้สนับสนุน  




21:56

เส้นทางการเมืองท้องถิ่นของ "สมศักดิ์ กิตติธรกุล" หรือ "โกหงวน" นับเป็นปรากฏการณ์พิเศษที่หาได้ยากในวงการการเมืองไทย เมื่อล่าสุดเขากำลังจะได้นั่งเก้าอี้นายก อบจ.กระบี่เป็นสมัยที่ 8 ด้วยคะแนนนำโด่งถึง 34,146 คะแนน ทิ้งห่างคู่แข่งที่ได้คะแนนสูงสุดเพียง 4,292 คะแนน

หากย้อนกลับไปในช่วงก่อนก้าวเข้าสู่การเมือง โกหงวนเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกการท่องเที่ยวกระบี่ ด้วยการสร้างโรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ คาบาน่า แห่งแรกบนเกาะพีพีในปี 2533 ยุคที่การคมนาคมยังไม่สะดวก ไม่มีทั้งรถไฟและสนามบิน การตัดสินใจลงทุนในครั้งนั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้กระบี่พัฒนาสู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก

จากนักธุรกิจสู่นักการเมืองท้องถิ่น โกหงวนเริ่มต้นด้วยการเป็นสมาชิกสภาจังหวัดกระบี่ในปี 2538 ก่อนจะได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.คนแรกของกระบี่ในปี 2540 และครองตำแหน่งนี้มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน สร้างสถิติเป็นนายก อบจ.ที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดในประเทศไทย 

ความโดดเด่นของโกหงวนอยู่ที่สไตล์การทำงานแบบ "ติดดิน" ใช้รถกระบะธรรมดาลงพื้นที่ ไม่ต้องมีทีมรักษาความปลอดภัย พร้อมกับการวางรากฐานการพัฒนาที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการแก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยการสร้างฝาย การผลักดันสนามบินนานาชาติกระบี่ และที่สำคัญคือการลงทุนด้านการศึกษาผ่านโรงเรียน อบจ. พร้อมให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนโดยมีเงื่อนไขให้กลับมาพัฒนาบ้านเกิด

ผลงานที่โดดเด่นนี้ได้รับการยอมรับผ่านรางวัลมากมาย ทั้งรางวัลพระปกเกล้าทองคำ รางวัลด้านการป้องกันการทุจริตจาก ป.ป.ช. และรางวัลกินรีด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว จนได้รับการยกย่องให้เป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นต้นแบบ

การชนะเลือกตั้งครั้งล่าสุดด้วยคะแนนท่วมท้น แม้จะมีคู่แข่งถึงสองราย สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนชาวกระบี่ยังเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์และความสามารถของเขา อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในสมัยที่ 8 คือการรักษามาตรฐานการพัฒนาให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและการท่องเที่ยวที่กำลังเปลี่ยนโฉมไปอย่างรวดเร็ว

ปรากฏการณ์โกหงวนได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การเมืองท้องถิ่นที่ยั่งยืนไม่ได้วัดกันที่วาทศิลป์หรือนโยบายที่สวยหรู แต่อยู่ที่การพัฒนาที่จับต้องได้และความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับประชาชน ซึ่งนี่อาจเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักการเมืองท้องถิ่นทั่วประเทศ



20:44

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 – การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี เป็นที่จับตามองของประชาชน หลังเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับ "สจ.โต้ง" ก่อนหน้านี้ ล่าสุด ผลการนับคะแนนเมื่อเวลา 20.40 น. (อย่างไม่เป็นทางการ) ระบุว่า นางณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ "สจ.จอย" ผู้สมัครหมายเลข 4 จากพรรคเพื่อไทย คว้าชัยด้วยคะแนน 66,586 คะแนน  

ตามมาด้วย นายจำรูญ สวยดี ผู้สมัครหมายเลข 2 จากพรรคประชาชน ได้ 29,385 คะแนน ส่วนอันดับสามคือ นายอำไพ กองมณี ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 1 ได้ 17,848 คะแนน  

สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ จังหวัดปราจีนบุรีมีหน่วยเลือกตั้งทั้งสิ้น 771 หน่วย มีประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงจำนวน 392,151 คน  



20:01

อัปเดตผลเลือกตั้ง อบจ. เชียงใหม่ (ไม่เป็นทางการ) “พันธุ์อาจ ชัยรัตน์” จากพรรคประชาชน คะแนนนำ “พิชัย เลิศพงศ์อดิศร” จากเพื่อไทย

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ความคืบหน้าผลการนับคะแนน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ อย่างไม่เป็นทางการ พบว่า นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ จาก พรรคประชาชน มีคะแนนนำ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร จาก พรรคเพื่อไทย ซึ่งก่อนหน้านี้โพลหลายสำนักเคยคาดการณ์ว่าเป็นตัวเต็ง

สถานการณ์คะแนนในสนามเชียงใหม่ถือเป็น ศึกใหญ่ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ซึ่งเชียงใหม่ถูกมองว่าเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด การที่ พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ขึ้นนำ อาจสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในสมดุลอำนาจทางการเมืองของจังหวัด

ติดตามผลคะแนนเรียลไทม์

📌 ติดตามอัปเดต ผลคะแนนเลือกตั้ง อบจ. เชียงใหม่ และทั่วประเทศ ได้ที่ 👉 TNN Online



18:51


หลังปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 17.00 น. และ เริ่มมีการนับคะแนนการเลือกตั้ง พบหลายจังหวัดเริ่มมีการนับคะแนน โดยผลคะแนนของตัวเต็งในแต่ละพื้นที่ยังคงสูสี แต่ยังไม่สามารถชี้วัดผลแพ้-ชนะได้ เพราะการนับคะแนนส่วนใหญ่แล้วเสร็จไม่ถึง 1% 

TNN ONLINE รวบรวมผลการนับคะแนนการเลือกตั้งนายก อบจ. ในสนามเลือกตั้งที่น่าสนใจใน 7 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ระยอง จ.สมุทรปราการ จ.เชียงใหม่ จ.นครพนมจ.สุราษฎร์ธานี จ.ชลบุรี และ จ.นครราชสีมา  

หลังปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 17.00 น. และ เริ่มมีการนับคะแนนการเลือกตั้ง พบหลายจังหวัดเริ่มมีการนับคะแนน โดยผลคะแนนของตัวเต็งในแต่ละพื้นที่ยังคงสูสี แต่ยังไม่สามารถชี้วัดผลแพ้-ชนะได้ เพราะการนับคะแนนส่วนใหญ่แล้วเสร็จไม่ถึง 1% TNN ONLINE รวบรวมผลการนับคะแนนการเลือกตั้งนายก อบจ. ในสนามเลือกตั้งที่น่าสนใจใน 7 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ระยอง จ.สมุทรปราการ จ.เชียงใหม่ จ.นครพนมจ.สุราษฎร์ธานี จ.ชลบุรี และ จ.นครราชสีมา




09:28

กระแส ความคาดหวัง และความจริง อะไรจะกำหนดผลเลือกตั้ง อบจ. 2568?

สถานการณ์การเมืองท้องถิ่นถึงจุดสำคัญแล้ววันนี้ (1 กุมภาพันธ์ 2568) วันที่ประชาชนจะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ เราจะมาวิเคราะห์กันว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดผลการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์นี้ 

การปะทะกันของสองขั้วอำนาจ

ปัจจุบัน เราเห็นการแข่งขันที่ชัดเจนระหว่างสองกลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกคือ "กลุ่มอำนาจเดิม" หรือที่เรารู้จักกันในนาม "บ้านใหญ่" ที่มีฐานเสียงและเครือข่ายในท้องถิ่นมายาวนาน พวกเขามีความเข้มแข็งในด้านเครือข่ายและทรัพยากร อีกกลุ่มคือ "คลื่นลูกใหม่" ที่มาพร้อมแนวคิดการบริหารสมัยใหม่ เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาท้องถิ่น การปะทะกันของสองขั้วอำนาจนี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการพัฒนาท้องถิ่นในอนาคต

ความคาดหวังของประชาชน

ประชาชนในปัจจุบันมีความคาดหวังต่อ อบจ. สูงขึ้นมาก พวกเขาต้องการเห็นการพัฒนาที่จับต้องได้ เช่น การปรับปรุงถนนหนทาง การพัฒนาแหล่งน้ำ การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และการยกระดับคุณภาพชีวิต นอกจากนี้ ยังต้องการความโปร่งใสในการบริหารงบประมาณ และการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องสำคัญของท้องถิ่น

พลังของโซเชียลมีเดีย

การหาเสียงในยุคนี้เปลี่ยนไปมาก โซเชียลมีเดียกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารกับประชาชน ผู้สมัครสามารถนำเสนอนโยบายและวิสัยทัศน์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วและเข้าถึงคนได้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือนที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

ความท้าทายที่ต้องเผชิญ

อบจ. ในยุคนี้ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจที่ถดถอย ความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้น และความต้องการของประชาชนที่หลากหลาย ผู้บริหาร อบจ. ต้องมีความสามารถในการบริหารจัดการงบประมาณที่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด และต้องสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาของท้องถิ่น

เสียงของคนรุ่นใหม่กำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการเมืองท้องถิ่น พวกเขามีความกระตือรือร้นที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น และมีความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหา แต่การเอาชนะระบบอุปถัมภ์และเครือข่ายการเมืองแบบเก่าไม่ใช่เรื่องง่าย

สิ่งที่จะเป็นปัจจัยชี้ขาดในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ การมีส่วนร่วมของประชาชน ยิ่งประชาชนออกมาใช้สิทธิ์มากเท่าไร โอกาสที่จะได้ผู้นำที่สะท้อนความต้องการของคนส่วนใหญ่ก็ยิ่งมีมากขึ้น นอกจากนี้ ความสามารถในการนำเสนอนโยบายที่ตอบโจทย์ปัญหาท้องถิ่น และความน่าเชื่อถือของผู้สมัครก็เป็นปัจจัยสำคัญ

การเลือกตั้ง อบจ. 2568 จะเป็นมากกว่าการเลือกตัวบุคคล แต่เป็นการกำหนดทิศทางการพัฒนาท้องถิ่นในอนาคต ประชาชนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าใครคือผู้ที่มีความสามารถและความตั้งใจจริงที่จะพัฒนาท้องถิ่นให้ก้าวหน้า การตัดสินใจของประชาชนในวันนี้จะส่งผลต่อการพัฒนาท้องถิ่นในอีกหลายปีข้างหน้า

ท้ายที่สุด คำถามสำคัญที่ประชาชนต้องถามตัวเองคือ

เราต้องการเห็นท้องถิ่นของเราเป็นอย่างไรในอนาคต? 

และใครคือผู้ที่จะสามารถนำพาท้องถิ่นไปสู่จุดนั้นได้? 

คำตอบเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดผลการเลือกตั้ง อบจ. 2568 อย่างแท้จริง



08:27

การเมืองท้องถิ่นเมืองลำไยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อ "วีระเดช ภู่พิสิฐ" ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนคนใหม่จากพรรคประชาชน สร้างปรากฏการณ์พลิกชัยชนะเหนือ "อนุสรณ์ วงศ์วรรณ" อดีตนายก อบจ. 4 สมัย จากพรรคเพื่อไทย ด้วยคะแนน 109,530 ต่อ 103,511 เสียง นับเป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ที่พรรคประชาชนสามารถปักธงชัยในสนามท้องถิ่นได้เป็นจังหวัดเดียวของประเทศ

ภูมิหลังที่น่าสนใจของ "วีระเดช" คือการเป็นทายาทตระกูล "ภู่พิสิฐ" ซึ่งมีบิดาเป็นทั้งอดีตนายก อบจ.ลำพูนและอดีตประธานหอการค้าจังหวัด เขาจบการศึกษาจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย และคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อนจะเริ่มเส้นทางการเมืองในปี 2561 ผ่านการเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าสำนักงานพรรคก้าวไกลจังหวัดลำพูนซึ่งถือเป็นสาขาแรกของพรรค และปัจจุบันสังกัดพรรคประชาชน

จุดเด่นในการหาเสียงของ "วีระเดช" อยู่ที่นโยบายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะการทำบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับภาคเอกชน เพื่อสร้างโอกาสให้เยาวชนลำพูนได้พัฒนาทักษะอาชีพควบคู่ไปกับการศึกษา นโยบายนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง

สนามเลือกตั้ง อบจ.ลำพูนครั้งนี้ถือเป็นการประลองกำลังระหว่างสองขั้วการเมือง โดยทั้งพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยต่างมี สส. ในพื้นที่ฝ่ายละหนึ่งที่นั่ง คือ "วิทวิสิทธิ์ ปันสวนปลูก" จากพรรคประชาชนในเขต 1 และ "รังสรรค์ มณีรัตน์" จากพรรคเพื่อไทยในเขต 2 ยิ่งไปกว่านั้น การที่แกนนำระดับชาติของพรรคประชาชน ทั้ง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และชัยธวัช ตุลาธน ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสนามนี้

ความน่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ การที่ 'วีระเดช' สามารถโค่นแชมป์เก่าอย่าง 'อนุสรณ์ วงศ์วรรณ' ผู้ครองตำแหน่งนายก อบจ. มาแล้ว 4 สมัย นับเป็นการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองท้องถิ่นครั้งสำคัญของจังหวัดลำพูน

คำถามที่น่าติดตามต่อไปคือ "ลำพูนโมเดล" ภายใต้การนำของ "วีระเดช" จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับท้องถิ่นได้ตามที่หาเสียงไว้หรือไม่ และจะกลายเป็นต้นแบบให้กับการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่อื่นได้หรือไม่ ที่สำคัญไปกว่านั้น ปรากฏการณ์ "ส้มลำพูน" ครั้งนี้จะส่งผลต่อการเมืองระดับชาติอย่างไร โดยเฉพาะในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่สำคัญของประเทศ



07:45

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ทั่วประเทศ เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่เวลา 08.00 -17.00 น. ณ หน่วยเลือกตั้งที่ท่านมีชื่ออยู่

โดย สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เปิดตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ. ที่จะมีการเลือกตั้งในวันนี้ โดยพบว่า ตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 47,178,655 คน

ทั้งนี้ 5 จังหวัดแรก ที่มีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากที่สุด ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 2,097,731 คน, รองลงมา จังหวัดอุบลราชธานี 1,462,057 คน , จังหวัดขอนแก่น 1,428,544 คน,จังหวัดเชียงใหม่  1,313,691 คน และจังหวัดบุรีรัมย์ 1,240,482 คน

ส่วน จังหวัดที่มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งน้อยที่สุด 5 อันดับ ประกอบด้วย จังหวัดระนอง 138,299 คน , จังหวัดสิงห์บุรี 164,742 คน , จังหวัดตราด 171,904 คน , จังหวัดนครนายก 206,168 คน และ จังหวัดอ่างทอง 220,236 คน



TNN


31 มกราคม 2568
18:56

การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มักถูกมองว่าเป็นเพียงสนามการเมืองท้องถิ่น แต่แท้จริงแล้ว ผลลัพธ์ของการเลือกตั้ง อบจ. ในแต่ละรอบสามารถสะท้อนแนวโน้มทางการเมืองระดับชาติได้อย่างชัดเจน คำถามสำคัญคือ "ชัยชนะในสนามท้องถิ่นหมายถึงชัยชนะในระดับประเทศหรือไม่?" และ "การเลือกตั้ง อบจ. มีผลต่อพรรคการเมืองระดับชาติอย่างไร?"


ฐานเสียงและเครือข่าย หัวใจของการเมืองระดับชาติ


นักวิเคราะห์การเมืองมักชี้ว่า "ฐานเสียงท้องถิ่นคือรากฐานของพรรคการเมืองใหญ่" เพราะผู้ที่ได้รับเลือกเป็นนายก อบจ. และสมาชิกสภา อบจ. จะกลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเครือข่ายสนับสนุนพรรคการเมืองในระดับชาติ เมื่อพรรคใดครองเสียงข้างมากใน อบจ. จำนวนมาก ย่อมหมายถึงเครือข่ายของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น และมีโอกาสสูงที่จะต่อยอดไปสู่การเลือกตั้งระดับชาติ


หากพรรคการเมืองใดสามารถคว้าชัยชนะในหลายจังหวัด ("กวาดเรียบ" ในสนาม อบจ.) ก็อาจเป็นสัญญาณว่า พรรคดังกล่าวยังคงได้รับความนิยมจากประชาชน หรืออาจสะท้อนถึงกระแสการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คำถามคือ "ชัยชนะในสนาม อบจ. เป็นเพียงผลของกระแสช่วงสั้น หรือเป็นแนวโน้มที่ยั่งยืนต่อการเลือกตั้งใหญ่?"


อิทธิพลของการเลือกตั้ง อบจ. ต่อพรรคการเมืองใหญ่


การเลือกตั้ง อบจ. ไม่ได้มีผลเฉพาะการกระจายอำนาจเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับการแข่งขันทางการเมืองระดับชาติ เพราะนักการเมืองท้องถิ่นที่ชนะ อบจ. มักจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยหาเสียงให้กับพรรคของตนในระดับประเทศ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ชนบทหรือจังหวัดที่มีการแข่งขันสูง


อีกมุมหนึ่ง ("เมื่อพรรคขั้วตรงข้ามครอง อบจ. ได้มากขึ้น") อาจเป็นสัญญาณถึงความเสื่อมถอยของพรรครัฐบาล หรืออาจสะท้อนว่าแนวทางการบริหารของพรรคที่ครองอำนาจไม่เป็นที่พอใจของประชาชน คำถามสำคัญคือ "การเปลี่ยนแปลงในระดับท้องถิ่นกำลังบอกอะไรกับการเมืองระดับชาติ?"


ตัวอย่างจากอดีต: อบจ. บ่งชี้ทิศทางการเลือกตั้งใหญ่ได้จริงหรือ?


ในอดีต มีหลายครั้งที่ผลการเลือกตั้ง อบจ. เป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มของการเลือกตั้งระดับชาติ เช่น


ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง สส. ปีหนึ่ง ๆ หากพรรคหนึ่งครองที่นั่ง อบจ. เป็นจำนวนมาก ก็มักจะมีแนวโน้มชนะการเลือกตั้ง สส. ตามไปด้วย


ในบางกรณี พรรคที่ครอง อบจ. จำนวนมากอาจไม่ได้หมายถึงชัยชนะในระดับประเทศเสมอไป เพราะต้องพิจารณาถึงกระแสระดับชาติในขณะนั้นด้วย


ดังนั้น การวิเคราะห์ผลการเลือกตั้ง อบจ. "อาจไม่สามารถฟันธงอนาคตของการเมืองระดับชาติได้ 100%" แต่เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้เราเห็นภาพความเคลื่อนไหวของประชาชนได้ดีขึ้น


แล้วประชาชนควรมองการเลือกตั้ง อบจ. อย่างไร?


เมื่อการเลือกตั้ง อบจ. มีผลกระทบต่อการเมืองระดับชาติ ประชาชนควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า


"การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้สะท้อนความต้องการของเราหรือไม่?"


"ผู้สมัครที่ได้รับเลือกมีแนวโน้มจะช่วยพัฒนาในระดับท้องถิ่นและระดับชาติอย่างไร?"


"เราควรใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างไรเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ?"


การเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับชาติสัมพันธ์กันอย่างไร?


แม้การเลือกตั้ง อบจ. จะเป็นเรื่องของการบริหารท้องถิ่น แต่ "ท้องถิ่นคือรากฐานของชาติ" และผลลัพธ์ของการเลือกตั้งนี้อาจเป็นสัญญาณถึงทิศทางทางการเมืองระดับประเทศในอนาคต หากพรรคใดสามารถครองพื้นที่ อบจ. ได้อย่างแข็งแกร่ง นั่นหมายถึงโอกาสของพรรคนั้นในเวทีระดับชาติก็สูงขึ้นตามไปด้วย


สุดท้ายนี้ คำถามสำคัญที่ยังต้องรอคำตอบคือ "การเลือกตั้ง อบจ. 2568 จะเป็นบททดสอบสำคัญของพรรคการเมืองในระดับประเทศหรือไม่?" และ "ประชาชนจะเลือกอย่างไรให้ส่งผลดีต่ออนาคตของตัวเอง?"



30 มกราคม 2568
16:21

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอเชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ที่หน่วยเลือกตั้งที่ท่านมีชื่ออยู่ โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถตรวจสอบรายชื่อ และลำดับที่จากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ประกาศไว้ ที่หน้าที่เลือกตั้ง หรือหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน (ส.ถ./ผ.ถ. 1/6) หรือ Application Smart Vote 

ไม่ว่างไปเลือกตั้งอบจ. 2568 อย่าลืมแจ้งเหตุไม่ไปเลือกตั้งท้องถิ่น บนแอปฯ ทางรัฐ

1 กุมภาพันธ์ 2568 นี้สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกไปใช้สิทธิในการเลือกตั้ง อย่าลืมแจ้งเหตุไม่ไปเลือกตั้งท้องถิ่น บนแอปพลิเคชัน ทางรัฐ

เปิดแอปฯ ทางรัฐและเข้าสู่ระบบ > เลือกเมนู ‘บริการ’ > กรอกคำว่า ‘เลือกตั้ง’ ในช่องค้นหา หรือ เลือกหมวดหมู่ ‘เลือกตั้ง’ > เลือกบริการ ‘แจ้งเหตุไม่ไปเลือกตั้งท้องถิ่น’

จากนั้นผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัว และยื่นเรื่อง เพื่อแจ้งเหตุผลที่ไม่สามารถไปเลือกตั้งท้องถิ่นได้ โดยต้องแจ้ง 7 วันก่อนเลือกตั้ง หรือ 7 วันหลังเลือกตั้ง

แอปฯ ทางรัฐรวมบริการภาครัฐกว่า 173 บริการไว้ในแอปฯ เดียว ใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชม.

ดาวน์โหลดแอปฯ ทางรัฐ ผ่าน Google Play, App Store และผู้ใช้มือถือ Huawei https://dg.th/kw6uzvdo57



สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)


15:47

เตรียมตัวให้พร้อม! เลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประจำปี 2568 กำลังจะมาถึง โดยไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าและไม่มีการเลือกตั้งนอกเขต ซึ่งหมายความว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องกลับไปใช้สิทธิที่จังหวัดตามทะเบียนบ้านของตนเองเท่านั้น สามารถใช้สิทธิได้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ณ หน่วยเลือกตั้งที่กำหนด

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

✅ มีสัญชาติไทย (หากแปลงสัญชาติ ต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี)

✅ อายุ 18 ปีบริบูรณ์ ในวันเลือกตั้ง

✅ มีชื่อในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง

✅ ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย

หลักฐานที่ใช้ในการเลือกตั้ง

สามารถใช้เอกสารที่ออกโดยทางราชการที่มีรูปถ่ายและเลขประจำตัวประชาชน ได้แก่:

บัตรประจำตัวประชาชน (บัตรที่หมดอายุก็ใช้ได้)

ใบขับขี่

หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)

บัตรข้าราชการ

📱 สามารถแสดงหลักฐานออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันได้ 2 แอปฯ

ThaID (บัตรประชาชนดิจิทัล)

DLT QR Licence (ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์)

แจ้งเหตุหากไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้

ผู้ที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ต้องแจ้งเหตุจำเป็น ต่อ นายทะเบียนอำเภอ หรือ นายทะเบียนท้องถิ่น ตามทะเบียนบ้าน ภายใน 7 วันก่อนหรือหลังวันเลือกตั้ง พร้อมระบุเลขประจำตัวประชาชนและที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน

ขั้นตอนการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง

ตรวจสอบรายชื่อ จากบัญชีรายชื่อที่หน่วยเลือกตั้ง

ยื่นหลักฐานแสดงตน ด้วยบัตรประชาชนหรือหลักฐานที่ทางราชการออกให้

รับบัตรเลือกตั้ง จำนวน 2 ใบ ได้แก่:

บัตรเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (เลือก 1 คน)

บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (เลือกได้ตามจำนวนที่กำหนดในแต่ละเขต)

เข้าคูหาลงคะแนน ทำเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในช่องเลือกผู้สมัครที่ต้องการ

หย่อนบัตรเลือกตั้ง ลงในหีบบัตรด้วยตนเอง

หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง จะถูกจำกัดสิทธิ 2 ปี

🚫 ไม่สามารถสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส., ส.ว., สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น

🚫 ไม่สามารถสมัครเป็นกำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน

🚫 ไม่สามารถเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

🚫 ไม่สามารถดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง หรือข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง

📌 ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อบจ. ได้ที่: เว็บไซต์กรมการปกครอง

✍🏻 ไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันเยอะๆ เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของท้องถิ่นเรา!



TNN