
ผลงานศิลปะชิ้นเอกชื่อดัง อาทิ โมนาลิซา (Mona Lisa) ของเลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) และ เดอะ สครีม (The Scream) หรือภาพวาดคนกรีดร้อง ของศิลปิน เอ็ดวาร์ด มุงค์ (Edvard Munch) ได้ถูกนำมาตีความใหม่ ให้กลายเป็นประสบการณ์เสียงที่ดื่มด่ำ เพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างศิลปะกับผู้พิการทางสายตา และทำให้ศิลปะน่าสนใจสำหรับคนทั่วไปมากขึ้น

สรุปข่าว
โครงการนี้มีชื่อว่า ซาวด์ ออฟ มาสเตอร์พีซ (Sound of a Masterpiece) เป็นความคิดริเริ่มของ บ็อบบี้ โกลเดอร์ (Bobby Goulder) นักแต่งเพลงผู้พิการทางสายตา ซึ่งตั้งคำถามถึงการใช้เทคโนโลยีมาเล่นกับเสียง ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ศิลปินอาจจะไม่ได้มีอุปกรณ์เอื้ออำนวยมากนักเมื่อ 5-10 ปีที่แล้ว
หัวใจสำคัญของโครงการ คือเทคโนโลยีเสียง ดอลบี้ แอตโมส ซาวด์ (Dolby Atmos Sound) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเสียงล้ำสมัย ที่ช่วยให้สามารถวางและเคลื่อนย้ายเสียงได้อย่างแม่นยำในพื้นที่สามมิติ รวมถึงบริเวณเหนือศีรษะ เพื่อสร้างบรรยากาศเสียงที่โอบล้อม ดื่มด่ำ นำเสนอความลึกซึ้ง และความสมจริงในระดับใหม่ให้กับประสบการณ์ทางเสียง
โกลเดอร์อธิบายว่า เขาไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การแต่งเพลง ที่อิงจากผลงานศิลปะเท่านั้น แต่เขาต้องการที่จะนำพาผู้คนให้เข้าไปสัมผัสกับภาพวาดอย่างลึกซึ้งซึ่งทำได้ผ่านดนตรีและทัศนียภาพจากเทคโนโลยีเสียงรอบทิศทาง ทำให้ผู้คนดื่มด่ำกับประสบการณ์ทางเสียงได้อย่างแท้จริง ด้วยมิติที่หลากหลาย
ผลงานนี้ ยังมีการแปลงผลงานศิลปะดังชื่ออื่น ๆ ให้กลายเป็นเสียงเพลงด้วย เช่น อะ บิกเกอร์ สแปลช (A Bigger Splash) โดย เดวิด ฮอคนีย์ เพื่อตอบสนองต่อช่องว่างทางสังคมที่กว้างขึ้นในการชื่นชมศิลปะ เพื่อให้คนที่เข้ามารับชม สามารถดื่มด่ำกับประสบการณ์ทางศิลปะได้อย่างแท้จริง
อัลบั้ม ซาวด์ ออฟ มาสเตอร์พีซ (Sound of a Masterpiece) เปิดให้ฟังแล้วบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ โดยรายได้ทั้งหมดจะบริจาคให้กับสถาบันคนตาบอดแห่งชาติแห่งราชอาณาจักร (RNIB) ซึ่งทางผู้สร้างหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดโครงการที่คล้ายกันอีกมากมาย และต่อยอดให้นำไปประยุกต์ใช้กับผลงานของศิลปินคนอื่น ๆ ได้มากขึ้น
ที่มาข้อมูล : https://www.reutersconnect.com/detail?id=tag%3Areuters.com%2C2025%3Anewsml_RW299931032025RP1%3A4
ที่มารูปภาพ : unsplash

อารียา ใจสุข