
ในวันที่ 11 มีนาคม ในเวลาช่วงเช้าตามเวลาในประเทศไทย องค์การนาซาและบริษัท SpaceX มีกำหนดการปล่อยยานสำรวจขึ้นสู่อวกาศพร้อมกัน 2 ลำ ได้แก่ กล้องโทรทรรศน์อวกาศสเฟียร์เอ็กซ์ (SPHEREx) และภารกิจพันช์ (PUNCH) ซึ่งยานสำรวจทั้ง 2 ลำ จะเดินทางสู่อวกาศด้วยจรวดขนส่งอวกาศ SpaceX Falcon 9 ของบริษัท สเปซเอ็กซ์ (SpaceX)
กำหนดการในครั้งนี้ถูกเลื่อนจากวันเสาร์ที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัท สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ต้องการเวลาตรวจสอบจรวดขนส่งเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยของภารกิจ โดยการปล่อยภารกิจครั้งนี้มีขึ้นจากฐานปล่อย Space Launch Complex 4E ที่ฐานทัพอวกาศแวนเดนเบิร์ก รัฐแคลิฟอร์เนีย
กล้องโทรทรรศน์อวกาศ SPHEREx ภารกิจการสำรวจจักรวาลผ่านแสงอินฟราเรด
กล้องโทรทรรศน์อวกาศสเฟียร์เอ็กซ์ (SPHEREx) หรือ Spectro-Photometer for the History of the Universe, Epoch of Reionization and Ices Explorer เป็นยานที่ติดตั้งกล้องโทรทรรศน์อวกาศขนาดเล็กที่ถูกออกแบบมาเพื่อสำรวจจักรวาลในช่วงแสงอินฟราเรด เปรียบเสมือนกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) แต่มีขอบเขตการสำรวจที่กว้างขึ้น
ในขณะที่กล้อง JWST สามารถจับภาพดวงดาวและดาราจักรอันไกลโพ้นด้วยความละเอียดสูง SPHEREx จะมุ่งเน้นไปที่การทำแผนที่กาแล็กซี่จำนวนมหาศาลรอบ ๆ เป้าหมายของกล้อง JWST เพื่อช่วยให้มนุษย์เข้าใจวิวัฒนาการของจักรวาล รวมถึงค้นหาคำตอบเกี่ยวกับที่มาของน้ำในโลกและการขยายตัวของเอกภพ
โครงสร้างของกล้องโทรทรรศน์อวกาศสเฟียร์เอ็กซ์ (SPHEREx) มีลักษณะเป็น ทรงกรวย และถูกเคลือบด้วยวัสดุสีขาวเพื่อช่วยสะท้อนแสงอาทิตย์ ลดการดูดซับความร้อน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับภารกิจที่ต้องตรวจจับแสงอินฟราเรด ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่ช่วยให้ยานสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เองขณะปฏิบัติภารกิจ
ระบบสำคัญ ๆ ภายในกล้องโทรทรรศน์อวกาศสเฟียร์เอ็กซ์ (SPHEREx) เช่น ระบบกล้องโทรทรรศน์ที่ออกแบบมาเพื่อถ่ายภาพ ทั้งท้องฟ้าในช่วงแสงอินฟราเรด โดยสามารถทำการสำรวจ แผนที่จักรวาลทั้งฉบับได้ทุก ๆ 6 เดือน ระบบสเปกโทรมิเตอร์ ซึ่งสามารถวิเคราะห์สเปกตรัมของแสงจากดาราจักรและวัตถุอวกาศอื่น ๆ เพื่อศึกษาประวัติของเอกภพ

สรุปข่าว
PUNCH ภารกิจไขปริศนาโคโรนาและลมสุริยะ
ภารกิจพันช์ (PUNCH) หรือ Polarimeter to Unify the Corona and Heliosphere มีภารกิจมุ่งศึกษาปรากฏการณ์ของดวงอาทิตย์ โดยประกอบด้วยดาวเทียม 4 ดวง ที่จะโคจรรอบโลกเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของโคโรนา (ชั้นบรรยากาศภายนอกของดวงอาทิตย์) และการก่อตัวของลมสุริยะ
ดาวเทียมแต่ละดวงมีขนาดใกล้เคียงกับกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ประมาณ 91 × 91 × 61 เซนติเมตร น้ำหนักของแต่ละดวงอยู่ที่ 40 กิโลกรัม โครงสร้างแบบ CubeSat หรือดาวเทียมขนาดเล็ก แต่ได้รับการพัฒนาให้สามารถทำงานในระยะเวลานานในอวกาศ
เมื่อเดินทางไปถึงวงโคจรโลกมันจะทำงานเป็นเครือข่าย กระจายตัวในอวกาศ เพื่อจับภาพการไหลของลมสุริยะจากดวงอาทิตย์ โดยใช้กล้องโพลาไรเซชันพิเศษ ซึ่งสามารถตรวจจับแสงที่กระเจิงจากอนุภาคพลาสมาในลมสุริยะ และเซนเซอร์ตรวจวัดรังสีและแม่เหล็กไฟฟ้า
ข้อมูลจากภารกิจพันช์ (PUNCH) จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่าลมสุริยะพัดพาออกจากดวงอาทิตย์อย่างไร และส่งผลต่อเฮลิโอสเฟียร์ ซึ่งเป็นฟองอากาศพลาสมาที่ปกป้องระบบสุริยะจากรังสีจักรวาลได้อย่างไร ความเข้าใจเหล่านี้มีความสำคัญต่อการพยากรณ์ สภาพอวกาศ ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบไฟฟ้าบนโลก รวมถึงการดูแลสุขภาพของนักบินอวกาศที่ทำงานในอวกาศ
กล้องโทรทรรศน์อวกาศสเฟียร์เอ็กซ์ (SPHEREx) และภารกิจพันช์ (PUNCH) ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภารกิจสำรวจอวกาศทั่วไป แต่เป็นก้าวสำคัญของมนุษย์ในการศึกษาจักรวาลและสภาพแวดล้อมของดวงอาทิตย์ ในอนาคต ข้อมูลที่ได้อาจช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเอกภพ และช่วยให้มนุษย์เตรียมพร้อมรับมือกับพายุสุริยะได้ดียิ่งขึ้น
ที่มารูปภาพ : NASA

พีรพรรธน์ เชื้อจีน