เกษตรกรอินเดียใช้ AI ช่วยทำฟาร์ม หวังเพิ่มผลผลิต

โดยระบบการดูแลฟาร์มอัจฉริยะนี้ เป็นของบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี ฟาซาล (Fasal) ซึ่งมีการติดตั้งเซนเซอร์ภายในฟาร์ม ที่คอยอัปเดตความชื้นในดิน ระดับสารอาหาร ปริมาณน้ำฝน ความกดอากาศ และความเร็วลม 

ข้อมูลนี้ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ของบริษัท ซึ่งจะถูกป้อนเข้าสู่โมเดลการเรียนรู้ของเครื่อง พร้อมด้วยข้อมูลสภาพอากาศโดยรวม เพื่อสร้างการคาดการณ์เกี่ยวกับสภาพอากาศในพื้นที่ของฟาร์ม และแปลงออกมาเป็นข้อมูลเพื่อให้รายละเอียดว่าฟาร์มแห่งนี้ จำเป็นต้องใช้น้ำ ปุ๋ย และยาฆ่าแมลงเมื่อใด และในปริมาณเท่าใด เพื่อช่วยลดต้นทุนในการดูแลลงถึงหนึ่งในห้า

บริษัทยังอ้างว่าบริการเหล่านี้ ยังช่วยลดการใช้น้ำและสารเคมีในฟาร์ม ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณไฟฟ้าที่เกษตรกรต้องใช้ในการจ่ายน้ำให้กับปั๊มน้ำ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 54,000 ตัน และลดการใช้สารเคมีของเกษตรกรได้ 127 ตัน

อย่างไรก็ตามบริการของฟาซาล (Fasal) มีราคาค่าใช้จ่ายเริ่มตั้งแต่ 57-287 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,920-9,700 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงในประเทศที่รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของเกษตรกรอยู่ที่ 117 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,900 บาทเท่านั้น รวมถึงฟาร์มมากกว่าร้อยละ 85 ของประเทศยังเป็นฟาร์มที่มีขนาดพื้นที่น้อยกว่า 5 เอเคอร์ หรือราว 20,000 ตารางเมตร ซึ่งอาจจะไม่ได้มีต้นทุนในการใช้บริการเทคโนโลยีมากนัก

สำนักข่าว AFP รายงานว่า ทางการของอินเดีย จึงเริ่มมองหาช่องทาง ที่จะพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งอาจจะช่วยให้บรรดาเกษตรกรเหล่านี้ มีตัวช่วยในการดูแลผลผลิต ท่ามกลางปัญหาสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงของโลก ในต้นทุนที่ประหยัดมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีรายงานเพิ่มเติมต่อไป

ที่มาข้อมูล 

news.afp

spectrum.ieee.org