รู้หรือไม่? ความรักในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์และนักชีววิทยาเป็นอย่างไร ?

รู้หรือไม่? ความรักในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์และนักชีววิทยาเป็นอย่างไร ?

เพิ่งผ่านวันวาเลนไทน์มา หลายคนคงยังอินกับบรรยากาศแห่งความรัก แต่เคยสงสัยไหมว่าความรักเกิดขึ้นได้อย่างไร? แท้จริงแล้ว ความรักไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความรู้สึกเท่านั้น แต่เป็นกระบวนการทางเคมีที่ซับซ้อนภายในสมองของเรา

ก่อนที่เราจะรู้สึกรักใครสักคน สมองจะได้รับอิทธิพลจากสารเคมีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ฟีโรโมน" ซึ่งเป็นสารสื่อที่สัตว์หลายชนิดใช้ในการดึงดูดเพศตรงข้าม ในมนุษย์เองก็มีฟีโรโมนเช่นกัน แม้ว่าเราจะไม่สามารถรับรู้กลิ่นของมันได้โดยตรง แต่สมองสามารถตรวจจับและตอบสนองต่อฟีโรโมนที่เข้ากันกับเราได้ ทำให้เกิดแรงดึงดูดโดยที่เราไม่รู้ตัว

รู้หรือไม่? ความรักในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์และนักชีววิทยาเป็นอย่างไร ?

สรุปข่าว

ความรักเป็นมากกว่าความรู้สึก แต่เป็นชุดของปฏิกิริยาทางเคมีที่ซับซ้อนในสมอง โดยมีสารเคมีหลายชนิดเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ฟีโรโมนที่ดึงดูดเพศตรงข้าม ฮอร์โมนเพศที่กระตุ้นความใคร่ สารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดความสุขและความผูกพัน และฮอร์โมนที่เสริมสร้างความผูกพันและความเชื่อใจ ความรักมี 3 ระยะ ได้แก่ ความใคร่ ความเสน่หา และความผูกพัน ซึ่งแต่ละระยะมีสารเคมีที่เกี่ยวข้องแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม ความรักไม่ได้ขึ้นอยู่กับสารเคมีเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยทางสังคม วัฒนธรรม และประสบการณ์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ดร.เฮเลน ฟิเชอร์ (Helen Fisher) นักมานุษยวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาความรัก แบ่งกระบวนการของความรักออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ความใคร่ (Lust), ความเสน่หา (Attraction), และความผูกพัน (Attachment) ซึ่งแต่ละระยะเกิดขึ้นจากการทำงานของฮอร์โมนและสารเคมีในสมอง

1. ความใคร่ (Lust) จุดเริ่มต้นของแรงดึงดูด

ในระยะนี้ ฮอร์โมนเพศอย่าง เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ในผู้ชาย และ เอสโตรเจน (Estrogen) ในผู้หญิง มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นความต้องการทางเพศและแรงดึงดูดทางกายภาพ

2. ความเสน่หา (Attraction): เมื่อความรักทำให้เราหลงใหล

นี่คือช่วงที่เรารู้สึกตกหลุมรัก หัวใจเต้นแรง และคิดถึงคนรักอยู่ตลอดเวลา ในระยะนี้ ร่างกายจะหลั่งสารสื่อประสาทที่เรียกว่า "โมโนอะมิเนส" (Monoamines) เช่น

- โดพามีน (Dopamine) ทำให้รู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข
- เซโรโทนิน (Serotonin) มีผลต่ออารมณ์และความคิดที่หมกมุ่นกับคนรัก
- นอเรพิเนฟริน (Norepinephrine) กระตุ้นให้เรารู้สึกตื่นตัวและตื่นเต้นเมื่อได้พบกัน

3. ความผูกพัน (Attachment): พื้นฐานของรักแท้และความสัมพันธ์ระยะยาว

เมื่อความสัมพันธ์พัฒนาไปสู่ระดับที่ลึกซึ้งขึ้น สมองจะหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยเสริมสร้างความผูกพันและความมั่นคง ได้แก่

- ออกซิโทซิน (Oxytocin) – ฮอร์โมนแห่งความผูกพันที่หลั่งออกมาในระหว่างการสัมผัส เช่น กอดหรือจูบ และยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างความไว้ใจกัน
- วาโซเพรสซิน (Vasopressin) – ช่วยเสริมสร้างความรู้สึกผูกพันและส่งเสริมความสัมพันธ์ระยะยาว

ความรักมากกว่าสารเคมีในสมอง

แม้ว่าความรักจะมีรากฐานจากปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกาย แต่ไม่ได้หมายความว่าความรักเป็นเพียงเรื่องของฮอร์โมนเท่านั้น ปัจจัยทางสังคม วัฒนธรรม และประสบการณ์ชีวิต ล้วนมีบทบาทในการกำหนดวิธีที่เรารักและสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น

ดังนั้น ความรักจึงเป็นทั้งเรื่องของหัวใจและสมอง ที่ผสมผสานระหว่างชีววิทยา อารมณ์ และสังคม จนกลายเป็นสิ่งที่ทรงพลังและมีความหมายในชีวิตของเราทุกคน

แม้ว่าความรักจะเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ แต่เราก็ไม่ควรละเลยความรู้สึกและความถูกต้องเหมาะสม ความรักที่แท้จริงคือการที่เราเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกัน พร้อมที่จะดูแลกันไปตลอด

สุดท้ายนี้แม้วันวาเลนไทน์ของปีนี้ได้ผ่านไปแล้ว แต่ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีความรักที่สวยงามและมีความสุข

ที่มาข้อมูล : https://www.nsm.or.th/nsm/th/node/6231

ที่มารูปภาพ : Getty

avatar

พีรพรรธน์ เชื้อจีน