การค้นพบฟอสซิลไฮยีน่าอายุ 2 แสนปี ในครั้งนี้ได้รับการเปิดเผยโดย ทีมนักธรณีวิทยา ผศ.ดร.กันตภณ สุระประสิทธิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมทีมนักธรณีวิทยา ร่วมกับอาจารย์นิวัฒน์ วัฒนยมนาพร ชมรมคนรักถ้ำกระบี่ ได้ดำเนินการขุดสำรวจภายในถ้ำโต๊ะช่อง จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อว่ามีหลักฐานทางโบราณคดีและซากดึกดำบรรพ์หลงเหลืออยู่จากอดีต
การสำรวจเบื้องต้นพบฟอสซิลของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำนวนมาก เช่น ไฮยีน่าลายจุด (Spotted hyena) อุรังอุตัง กวาง เม่น หมูป่า และวัว รวมไปถึงฟอสซิลของสัตว์ที่ยังไม่สามารถระบุชนิดได้ ซึ่งนับเป็นการค้นพบที่สำคัญในวงการบรรพชีวินวิทยาไทย การศึกษาประวัติศาสตร์ของสัตว์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน
ผศ.ดร.กันตภณ สุระประสิทธิ์ เปิดเผยผลการวิเคราะห์เบื้องต้นระบุว่า ฟอสซิลที่พบมีอายุอยู่ในช่วงยุคไพลสโตซีน ซึ่งอยู่ในระหว่าง 80,000 - 200,000 ปี ก่อนคริสตกาล โดยเฉพาะการค้นพบ ฟอสซิลของไฮยีน่าลายจุดนั้นถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยยืนยันว่าครั้งหนึ่ง สัตว์นักล่าชนิดนี้เคยอาศัยอยู่ในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่ไฮยีน่าลายจุดพบได้ในทวีปแอฟริกาเป็นหลัก
ทีมงานนักธรณีวิทยาได้ใช้การศึกษาฟอสซิลโดยการวิเคราะห์ไอโซโทป (isotope) จากซากดึกดำบรรพ์ทำให้ทราบว่า ในช่วง 200,000 ปีก่อน พื้นที่ที่เป็นจังหวัดกระบี่ในปัจจุบัน เคยมีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าสะวันนา สลับกับป่าทึบเป็นหย่อม ๆ เป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการอพยพและการดำรงชีวิตของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่
สำหรับการวิเคราะห์ไอโซโทป (isotope) เป็นเทคนิคที่ใช้ศึกษาอัตราส่วนของไอโซโทปของธาตุต่าง ๆ ในชิ้นส่วนตัวอย่างวัตถุในธรรมชาติ หรือในห้องปฏิบัติการ ซึ่งช่วยให้สามารถระบุแหล่งที่มา, อายุ, กระบวนการทางเคมี และสภาพแวดล้อมในอดีตของชิ้นส่วนตัวอย่างได้อย่างแม่นยำ
การค้นพบฟอสซิลครั้งนี้ ให้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศและความหลากหลายของสัตว์ยุคโบราณ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังอาจช่วยให้นักวิจัยเข้าใจเกี่ยวกับการกระจายพันธุ์ของสัตว์ในอดีต และการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปถึง ปัจจัยที่มีผลต่อวิวัฒนาการของสัตว์ในปัจจุบัน
ทีมนักธรณีวิทยายังคงเดินหน้าศึกษาฟอสซิลที่ค้นพบเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมยุคดึกดำบรรพ์ของประเทศไทย และอาจนำไปสู่การค้นพบหลักฐานใหม่ที่สามารถไขปริศนาทางธรณีวิทยาและโบราณชีววิทยาต่อไป
สรุปข่าว
Peerapat Chuejeen
(Peerapat)