กรวยภูเขาไฟบนดาวอังคารบอกเล่าเรื่องราวของน้ำแข็งและลาวาในอดีต

ข้อมูลล่าสุดจากการวิจัยพื้นผิวดาวอังคารเผยให้เห็นรายละเอียดทางธรณีวิทยาที่น่าตื่นเต้น และท้าทายความเข้าใจที่นักวิทยาศาสตร์มีมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในพื้นที่หุบเขาอาธาบาสกา วัลเลส (Athabasca Valles) ซึ่งเป็นระบบหุบเขาที่ถูกกัดเซาะลงไปในที่ราบภูเขาไฟ ปรากฏการณ์นี้ได้เปิดเผยเบาะแสสำคัญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของน้ำและภูมิประเทศบนดาวอังคาร

ข้อมูลใหม่พบว่ากรวยภูเขาไฟที่ไม่มีรากซึ่งก่อตัวจากปฏิกิริยาระหว่างลาวาและน้ำ หรือหินน้ำแข็ง กำลังบ่งชี้ถึงการมีน้ำแข็งใต้ดินใกล้กับพื้นผิวในช่วงเวลาที่ลาวาปะทุ ปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามใหม่เกี่ยวกับความรุนแรงของน้ำท่วมในอดีตหรือแม้แต่สภาพอากาศที่เคยเอื้ออำนวยให้มีน้ำไหลปริมาณมากกว่าที่เคยคิด

นักธรณีวิทยาวิจัยจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ โคลิน ดันดาส (Colin Dundas) ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Space.com สื่อด้านอวกาศชื่อดังระบุรายละเอียดว่า 

“ตำแหน่งและประวัติของน้ำแข็งทั้งในปัจจุบัน และอดีตนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเปิดเผยประวัติของดาวอังคาร ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการประเมินความสามารถในการอยู่อาศัยของดาวอังคารในช่วงเวลาต่าง ๆ รวมถึงสภาพอากาศและแหล่งน้ำแข็งที่อาจมีอยู่ในปัจจุบัน”

อย่างไรก็ตาม ลาวาที่ปกคลุมพื้นผิวในบริเวณหุบเขาอาธาบาสกา วัลเลส (Athabasca Valles) ทำให้การถอดรหัสลักษณะทางธรณีวิทยาในอดีตเป็นเรื่องที่ท้าทาย ผู้วิจัยชี้ว่ากรวยภูเขาไฟเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อพื้่นดินที่ชื้นหรือมีน้ำแข็งถูกลาวาไหลผ่าน ทำให้เกิดการเดือดและระเบิดของวัสดุใต้พื้นผิว ปรากฏการณ์ดังกล่าวชี้ชัดว่ามีน้ำแข็งอยู่ใกล้กับพื้นผิวในช่วงเวลาที่เกิดการปะทุของลาวา

นักวิจัยยังกล่าวถึงความซับซ้อนในการอธิบายที่มาของน้ำแข็งบริเวณเส้นศูนย์สูตรของดาวอังคารในอดีต เนื่องจากในปัจจุบันบริเวณนี้ค่อนข้างแห้งแล้ง น้ำแข็งที่อาจจะเคยมีในอดีตนั้นต้องเกิดจากสภาวะที่ชื้นและเย็นกว่าในช่วงเวลาที่ดาวอังคารมีบรรยากาศที่เอื้ออำนวย ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ยังอยู่ในระหว่างการถกเถียงกัน

หนึ่งในสมมุติฐานที่ได้รับการพิจารณา คือ น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดจากการปลดปล่อยน้ำใต้ดินในช่วงไม่กี่ล้านปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แบบจำลองที่สร้างขึ้นกลับพบว่าน้ำท่วมในระดับที่คาดการณ์ไว้นั้นไม่เพียงพอที่จะอธิบายการเกิดกรวยภูเขาไฟที่ไม่มีรากทั้งหมดบนพื้นลาวา 

ทีมนักวิจัยจึงหันไปมองสมมุติฐานทางเลือกอื่น เช่น การสะสมของน้ำแข็งในบริเวณที่ภูเขาไฟปะทุ ซึ่งต้องอาศัยสภาพอากาศที่ชื้นและเย็นอย่างต่อเนื่อง หรือทฤษฎีที่ว่ากระบวนการสร้างกรวยบนดาวอังคารอาจแตกต่างจากบนโลกอย่างสิ้นเชิง

แม้จะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ทีมวิจัยย้ำว่าการศึกษาลักษณะของน้ำแข็งบริเวณเส้นศูนย์สูตร การกัดเซาะโดยลาวา และกระบวนการไหลของน้ำบนพื้นผิวเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยเปิดเผยประวัติศาสตร์ของดาวอังคารได้มากขึ้น 

“พื้นที่ Athabasca Valles ยังคงเป็นเขตที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับการศึกษาเกี่ยวกับน้ำและน้ำแข็ง รวมถึงการปะทุของภูเขาไฟที่อายุน้อยที่สุดบนดาวอังคาร” นักวิจัยโคลิน ดันดาส (Colin Dundas) กล่าวระบุข้อมูลเพิ่มเติม

ผลการศึกษานี้ได้รับการยอมรับในระดับหนึ่ง และเตรียมตีพิมพ์ในวารสาร Icarus ช่วงมีนาคม 2025 นี้ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ธรณีวิทยาบนดาวอังคารและเปิดมุมมองใหม่ในการสำรวจโลกที่อยู่ห่างไกลนี้ในอนาคต

กรวยภูเขาไฟบนดาวอังคารบอกเล่าเรื่องราวของน้ำแข็งและลาวาในอดีต

สรุปข่าว